ม.นเรศวร เป็นองค์กรที่ยึดมั่นในคุณธรรมและความโปร่งใส

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 งานบริหารความเสี่ยง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมอบรมเพื่อยกระดับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมุ่งหวังให้ผู้บริหารและบุคลากรมหาวิทยาลัยนเรศวรมีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาองค์กรให้เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างสังคมที่โปร่งใสและเป็นธรรม

การอบรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิดและบรรยายในหัวข้อ “นโยบายและมาตรการป้องกันการทุจริต” และ “นโยบาย No Gift Policy” ณ ห้อง 301 อาคารเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร การบรรยายดังกล่าวเน้นถึงแนวทางป้องกันการทุจริตในภาครัฐ การส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่มีความโปร่งใส และการสร้างจิตสำนึกให้บุคลากรทุกระดับมีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมทั้งสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดพฤติกรรมที่ขัดต่อจริยธรรม

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรที่มีความหลากหลายทางความคิด เปิดโอกาสให้บุคลากรทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน โดยการเน้นย้ำถึงหลักความเคารพและความเสมอภาคในที่ทำงาน การให้ความสำคัญกับความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ และการดำเนินงานโดยยึดมั่นในคุณธรรม เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานที่ส่งเสริมศักยภาพของบุคลากรทุกคนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยุติธรรมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นดำเนินการ โดยส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการที่เป็นธรรม ปราศจากอคติ และเคารพสิทธิของทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงการดำเนินงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การสร้างสังคมที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาองค์กรให้เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และความยุติธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในระยะยาว มหาวิทยาลัยนเรศวรจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมคุณค่าทางจริยธรรมและยกระดับมาตรฐานการบริหารงานเพื่อสร้างองค์กรที่มีคุณภาพและความยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ได้รับรางวัล G-Green ระดับดีเยี่ยม เชิดชูเกียรติด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเข้ารับ รางวัลตราสัญลักษณ์ G-Green ระดับประเทศ ในฐานะที่มหาวิทยาลัยได้ผ่านการประเมินรับรองความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปี 2567 โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ “Green Office ระดับดีเยี่ยม (ทอง)” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในการประเมินความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รางวัลนี้ถือเป็นการยอมรับในความพยายามและความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

ในพิธีมอบรางวัลดังกล่าว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานในพิธี มอบรางวัล ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการรักษาสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ การได้รับรางวัลนี้สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของมหาวิทยาลัยในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการศึกษาและการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย

รางวัล G-Green นี้ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการดำเนินงานภายใต้ SDG12 (การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ) ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการในหลายๆ ด้าน เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมถึงการส่งเสริมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้สร้างความร่วมมือจากทั้งนิสิต บุคลากรและชุมชนในการร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

การได้รับรางวัลในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยนเรศวรเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยยังคงดำเนินการในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างการตระหนักรู้และกระตุ้นให้บุคลากรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก”

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 กองบริการการศึกษา โดยงานจัดการวิชาศึกษาทั่วไป ร่วมกับคณาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ได้จัดการประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก” เพื่อส่งเสริมให้นิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการแสดงทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้เกิดการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดของเสียที่เกิดจากการบริโภคเกินความจำเป็น ในปีนี้มีนิสิตเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 779 คน และส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 29 ผลงาน ณ โถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีกับนิสิตที่ได้รับรางวัลในการประกวดนวัตกรรมรักษ์โลก ดังนี้
🥇 รางวัลชนะเลิศ: ผลงาน “บ่อดักไขมัน 2 in1” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยไขมันลงสู่แหล่งน้ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำให้สะอาดขึ้น
🥈 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ผลงาน “Pure Flow ไหลสะอาด ไร้ไขมัน” ที่ออกแบบระบบกรองน้ำมันจากครัวเรือนก่อนปล่อยลงท่อน้ำเสีย ช่วยลดมลพิษทางน้ำ
🥉 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ผลงาน “ถนนชาร์ทรถ EV ด้วยระบบโซล่าเซลล์” ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนการลดการใช้พลังงานฟอสซิล และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
🎖 รางวัลชมเชย:

  • “Second Life จากของเหลือใช้” นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน
  • “บ้านที่หายใจได้” ออกแบบบ้านที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและปรับอากาศตามธรรมชาติ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
  • “กิ๊ฟเซ็ตกระเป๋ารักษ์โลก และเครื่องประดับจากขวดพลาสติก” เปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

กิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ในการดูแลรักษาโลกของเรา ตอกย้ำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของโลกเรา

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

NU Art & Craft Fun Fair 2025: เทศกาลแห่งศิลปะ ความรัก และกลิ่นหอมของกาแฟ

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2025” ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิดที่เชื่อมโยงกันระหว่าง เทศกาลแห่งความรัก ผู้คน ดนตรี และกลิ่นหอมของกาแฟ โดยมี ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็น Creative Art Space ที่สำคัญของเมืองพิษณุโลกและเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับการแสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

ในปีนี้ งาน NU Art & Craft Fun Fair 2025 ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหลายภาคส่วน เช่น วิทยาลัยเพื่อการค้นคว้าระดับรากฐาน ตลาดประชารัฐ กลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟ และศิลปินผู้สร้างสรรค์งานคราฟท์จากจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงศิลปะ วัฒนธรรม และความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การแสดง Lanna Fashion โดยนิสิตชมรมสืบสานล้านนา ที่นำเสนอความหลากหลายของอัตลักษณ์การแต่งกายกลุ่มชาติพันธุ์ล้านนา ภายใต้แนวคิด “Flower of ล้านนา” และ การแสดง Upcycled Fashion ที่มุ่งเน้นการออกแบบร่วมสมัยด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เศรษฐกิจแบบยั่งยืน

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือ การแสดงดนตรีและศิลปะที่ผสานกันอย่างลงตัว เช่น การแสดง Art & Craft NU Dance โดยนิสิตโครงการลูกพระฆเนศ NU Band และ การแสดง Fingerstyle Guitar x Coffee Painting โดย อาจารย์กวิน ภูศรีเทศ แชมป์ Overdrive Acoustic Guitar Contest 2020 และ คุณพัชรพล เสริมสุข ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยอารมณ์และพลัง นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการศิลปะยามค่ำคืน การแสดงดนตรี และกิจกรรมนันทนาการที่เปิดโอกาสให้นิสิตและประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในบรรยากาศแห่งศิลปะและความสุข

วันสุดท้ายของงาน นับเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศในฝันของใครหลายคน ลานด้านหน้าหอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร กลายเป็นพื้นที่ที่ผสมผสาน ความคิดสร้างสรรค์และอิสระ อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “กาแฟกับงานฝีมือ” ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างมาก ที่นี่เป็นจุดรวมตัวของ ชุมชนศิลปะและงานฝีมือ ที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านจากหลากหลายพื้นที่เข้ามาสอนทักษะศิลปะประดิษฐ์ เช่น การเย็บย่าม เย็บตุ๊กตา และงานวาดภาพ ซึ่งช่วยส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้นิสิตและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และฝึกฝนฝีมือ

งานนี้ยังเชื่อมโยง ชุมชนกับศิลปะ ผ่านบรรยากาศสบายๆ ที่มี นักดนตรีอาสามาขับกล่อม ควบคู่กับ บูธร้านอาหารและกาแฟจากผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่มาประชันรสชาติจากเวทีแข่งขันระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เยาวชน ครอบครัว และตัวแทนชุมชนได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุน พ่อค้าแม่ค้ารุ่นใหม่ ที่ต้องการอวดฝีมือด้านอาหารและเครื่องดื่มแปลกใหม่

NU Art & Craft Fun Fair 2025 ไม่เพียงเป็นงานที่มอบความสนุกและแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็น ต้นแบบของพื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออกอย่างเสมอภาค สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 5) ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ SDG 11 ที่ส่งเสริมให้เมืองและชุมชนมีความยั่งยืนผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

มาทำความรู้จัก NU SDGs “ป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” กันเถอะ

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านแนวทาง NU SDGs (Naresuan University Sustainable Development Goals) ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะด้าน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นเป็นแบบอย่างในการพัฒนาอย่างสมดุล ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับนิสิตและบุคลากร

เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรม การให้ความรู้ การอบรม และโครงการรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการให้ความรู้ด้านพลังงานสะอาด การจัดการขยะอย่างถูกต้อง และการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการบรรจุเนื้อหาด้านความยั่งยืนเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นิสิตตระหนักถึงความสำคัญของ SDGs และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

มหาวิทยาลัยดำเนินโครงการและกิจกรรมที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ และโครงการขยะทำเงิน เพื่อรณรงค์ให้เกิดการลด ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ (3Rs) รวมถึงส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในมหาวิทยาลัย ทั้งหมดนี้ได้รับความร่วมมือจาก บุคลากรทุกหน่วยงาน นิสิตที่สนใจ นิสิตจิตอาสา สโมสร และชมรมต่าง ๆ ในการมีส่วนร่วมพัฒนาโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

การพัฒนาอย่างยั่งยืนของมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังมีการทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานภายนอกในการสร้างเครือข่าย “มหาวิทยาลัยสีเขียว” (Green University) ที่ส่งเสริมการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ กิจกรรมที่จัดขึ้นมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้กับนิสิตและบุคลากรในการนำหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนไปใช้ในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับ การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน โดยสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการพลังงานสะอาด และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้มหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่แนวทางที่ยั่งยืน

การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนเรศวรตามแนวทาง NU SDGs ถือเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจในการเป็นมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบต่อสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งบุคลากร นิสิต และชุมชน เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

ที่มา: งานบริการวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ชวนร่วมมือกันประหยัดพลังงาน

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานภายในอาคารเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG13) ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเชิญชวนทุกคนร่วมมือกันในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

การเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้คือ การปรับการใช้แสงสว่างในห้องให้เหมาะสม โดยเปิดหรือปิดไฟตามความต้องการ และเมื่อแสงจากภายนอกเพียงพอต่อการทำงานในห้อง ควรปิดไฟเพื่อประหยัดพลังงาน นอกจากนี้การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งอุณหภูมิของแอร์ในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศในห้อง จะทำให้ห้องเย็นขึ้นโดยไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป

การเสียบและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมาก เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะไม่ได้เปิดใช้งาน ดังนั้น ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทันทีเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อป้องกันการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอัคคีภัยจากการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ปลอดภัย

การเดินบันไดแทนการใช้ลิฟท์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ โดยไม่เพียงแต่จะช่วยลดการใช้พลังงานจากลิฟท์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้รับการออกกำลังกายที่ดี เนื่องจากการเดินขึ้น-ลงบันไดช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่และส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรและนิสิตในมหาวิทยาลัย

การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้า แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใช้พลังงานจะนำไปสู่การสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

ม.นเรศวร ร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตร ในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024

วันที่ 27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567: มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตรในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ซึ่งจัดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Hall 2 บูธ B1 โดยมีอาจารย์ บุคลากร พี่นิสิต และพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยมาร่วมให้ข้อมูลและแนะนำหลักสูตรที่นักเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสนใจศึกษาต่อมากที่สุดในระดับปริญญาตรี

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอหลักสูตรที่หลากหลายที่นักเรียนสามารถเลือกศึกษาต่อได้ พร้อมทั้งมีการแสดงนวัตกรรมด้านการศึกษาและการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนที่กำลังตัดสินใจเลือกสถานศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี

งานนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแนะนำโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะในส่วนของหลักสูตรที่เปิดสอนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต

การจัดนิทรรศการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4 ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการศึกษาให้ทุกคนได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับนักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งการได้พบปะกับบุคลากรและศิษย์เก่าที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย

การเข้าร่วมงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้มีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาและหลักสูตรที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของตนเอง

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก พัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรสิทธิ์ โทจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด นำโดยนายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัท ณ ห้องประชุมนเรศวร 304 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลให้มีความยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล

รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดพันธกิจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ” โดยการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาที่สามารถร่วมมือกับบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกในการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตอ้อยและน้ำตาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ลดการเผาอ้อย ส่งเสริมเกษตรยั่งยืน

บริษัทน้ำตาลพิษณุโลกมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวรมากว่า 10 ปี โดยมีการต่ออายุข้อตกลงทุก 5 ปี เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ซึ่งส่งผลให้การผลิตอ้อยสดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทสามารถลดการเผาอ้อยลงจนเหลือเพียง 3% จากทั้งหมด และตั้งเป้าให้การผลิตอ้อยในอนาคตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

พัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์จากอ้อย

นายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอ้อยและน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลก กลุ่มไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกเป็นส่วนหนึ่ง มุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การทดสอบพันธุ์อ้อยใหม่ การบริหารจัดการไร่อ้อย และการใช้ของเหลือจากกระบวนการผลิต เช่น กากอ้อย เพื่อนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาชนะจากกากอ้อย ไบโอพลาสติก และอาหารสัตว์

สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs

ความร่วมมือครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กรอบของ SDG2 (การยุติความหิวโหย) โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวไร่อ้อย อีกทั้งยังสนับสนุน SDG17 (หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

วิจัยและพัฒนาต่อเนื่องเพื่อเศรษฐกิจไทย

มหาวิทยาลัยนเรศวรและบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกจะดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องในหลายด้าน เช่น วิทยาศาสตร์การเกษตร วิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทย และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ที่มา: ข่าว/ภาพ พิษณุโลกฮอตนิวส์

ม.นเรศวรให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและเท่าเทียมผ่านกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับสโมสรซอนต้าพิษณุโลก ในการจัดกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทั่วโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกันในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมของทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG5) ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมสิทธิของทุกคนในสังคม

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน สโมสรนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สมาคมสตรีศรีสองแคว สมาคมผู้สูงอายุ โรงเรียน สว.ท่าโพธิ์วิทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ รวมถึงผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ณ ห้องประชุม HU 1103 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและผลกระทบต่อสังคม รวมถึงการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงพลังสนับสนุนสิทธิของเด็กและสตรีทั่วโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางเพศ ภายใต้แนวคิด SDG5 โดยสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคม กิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมที่เป็นธรรมและปราศจากความรุนแรง

การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงพลังของชุมชนมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษาและองค์กรภายนอก เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปลอดภัยสำหรับทุกคนในอนาคต
ที่มา: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.นเรศวร เปิดโครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน ปี 2567 เตรียมนิสิตสู่การทำงานในชุมชน

ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดการประชุมครูพี่เลี้ยง โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน สำหรับนิสิตหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน ชั้นปีที่ 4 โดยมี ผศ.ดร.กานต์พิชชา เกียรติกิจโรจน์ รองคณบดีฝ่ายบริหารและวางแผน เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่นิสิตที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมี ผศ.ดร.ธนัช กนกเทศ ประธานหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ และ รศ.ดร.ณรงค์ศักดิ์ หนูสอน หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการปฏิบัติให้แก่ครูพี่เลี้ยงจากสถานที่ฝึกปฏิบัติงานทั่วประเทศ.

วัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในระดับปฐมภูมิ การจัดการระบบสุขภาพในชุมชน และการทำงานร่วมกับครูพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการให้บริการสุขภาพในพื้นที่ชุมชน.

การฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะในด้านการวางแผนและการบริหารจัดการด้านสุขภาพชุมชน รวมทั้งทำความเข้าใจในบทบาทของสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น การทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชน รวมถึงการเข้าใจถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานจริง.

การฝึกงานที่สำคัญและความร่วมมือกับครูพี่เลี้ยง การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ การ ปฏิบัติตัว และการ ให้ข้อมูลกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับนิสิตที่กำลังจะเริ่มต้นฝึกงานในพื้นที่จริง ซึ่งครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จะช่วยแนะนำและคอยดูแลนักศึกษาในการปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชน.

นิสิตจะได้มีโอกาส พบปะ และ พูดคุย กับครูพี่เลี้ยงและอาจารย์ผู้ดูแลโครงการ เพื่อ สอบถามปัญหาหรืออุปสรรค ที่อาจเกิดขึ้นในการฝึกงานและการให้บริการสุขภาพในชุมชน รวมถึงการได้รับคำแนะนำในการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจริง.

การพบปะนี้ยังเป็นโอกาสที่นิสิตจะได้ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบสุขภาพชุมชน.

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-being) และ เป้าหมายที่ 11 (Sustainable Cities and Communities) ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนในชุมชน.

โดยเฉพาะในส่วนของ SDGs 3 ที่เน้นการ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และการ ลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โครงการฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยเตรียมทักษะและความรู้ในการให้บริการสุขภาพในชุมชนให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องการดูแลในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างยั่งยืน.

ส่วนในด้าน SDGs 11 โครงการนี้ช่วยส่งเสริม การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน โดยการเตรียมผู้ที่มีความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพให้สามารถทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การเตรียมตัวและความพร้อมก่อนการลงพื้นที่ นิสิตทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ กระบวนการปฏิบัติงาน และ แนวทางการดูแลสุขภาพ ในพื้นที่ชุมชนอย่างละเอียดจากครูพี่เลี้ยง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการลงพื้นที่และสามารถ ประยุกต์ใช้ความรู้ จากการเรียนในห้องเรียนเข้าสู่การปฏิบัติในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การจัดกิจกรรมนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการ พัฒนาสังคมและชุมชน และช่วยสร้าง ระบบสุขภาพที่ยั่งยืน โดยการฝึกปฏิบัติในพื้นที่จริงซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน.

โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนประจำปีการศึกษา 2567 ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโครงการที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการทำงานจริงในชุมชน โดยการสร้างความรู้และทักษะในการให้บริการสุขภาพและการบริหารจัดการระบบสุขภาพในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านสุขภาพและการพัฒนาชุมชน โดยการร่วมมือกับครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ.

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin