การสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติด้านอารยธรรมศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 โดยวารสารอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน และกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) หลายประการ โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ, SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา.
การจัดสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ (SDG 4) โดยการนำเสนอหัวข้อต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งด้านวัฒนธรรมและศิลปะ เช่น “Process of Korean Wave Development as a Key Driver for Economic Growth” และ “Music for Healing Society” ซึ่งไม่เพียงแต่เน้นการถ่ายทอดความรู้ในเชิงทฤษฎี แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงและประสบการณ์จากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา นอกจากนี้ การสัมมนายังเปิดโอกาสให้ทั้งนักวิชาการและนิสิตของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และเสริมสร้างทักษะในการศึกษาและวิจัยจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับนานาชาติ
การจัดกิจกรรมดังกล่าวยังเสริมสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยการนำเสนอตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น ความสำเร็จของคลื่นเกาหลี (Korean Wave) ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือการใช้ดนตรีเพื่อเยียวยาสังคม ซึ่งเป็นการนำเสนอประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทของไทยและในระดับนานาชาติได้
หัวข้อ “The Transformative Potential of Small-Scale Community Events: an LGBTQIA+ Perspective” โดย Dr. Williem Coetzee จาก Western Sydney University, Australia ได้สะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการสนับสนุนการรวมกลุ่มทางสังคมที่หลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ การศึกษาด้านวัฒนธรรมและการรับรู้ในประเด็นเหล่านี้ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหลากหลายทางสังคมและส่งเสริมให้เกิดการยอมรับในความแตกต่าง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ถูกมองข้ามหรือมีความเสี่ยงทางสังคม เช่น กลุ่ม LGBTQIA+ การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรนำเสนอโอกาสในการเรียนรู้เหล่านี้จึงเป็นการส่งเสริมการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเสมอภาค
โครงการสัมมนานี้ยังเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิชาการจากหลากหลายประเทศและสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา การมีเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ช่วยเสริมสร้างการแบ่งปันทรัพยากรทางวิชาการและสร้างโอกาสในการร่วมมือในโครงการวิจัยและกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถตอบสนองต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีส่วนในการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับการศึกษาและการพัฒนาสังคมในภาพรวม
หัวข้อ “Local Food on Global Stages” โดยอาจารย์อนุวัต เชื้อเย็น จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น อาหารท้องถิ่น ที่สามารถขยายขอบเขตไปยังเวทีโลก โดยการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวและการเผยแพร่อาหารไทยในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการส่งเสริมอัตลักษณ์และการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างการจ้างงานในชุมชนซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 8: การงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ SDG 12: การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน
การจัดสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติในครั้งนี้สะท้อนถึงการมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยการสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในหลากหลายด้านของอารยธรรมศึกษา การร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทางวิชาการและการเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนการศึกษาระดับนานาชาติได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ จึงเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการพัฒนาทั้งในด้านการศึกษาและสังคมอย่างยั่งยืน.
ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร