Archives 2024

ม.นเรศวร Colors of Equality สีสันต์แห่งความเท่าเทียม

ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดโครงการ “สาระพัฒน์เพื่อสังคมที่ยั่งยืนปีที่ 1″ หัวข้อ “Colors of Equality สีสันต์แห่งความเท่าเทียม” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อที่ 5 ที่มุ่งบรรลุความเสมอภาคระหว่างเพศ และเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน (Achieve gender equality and empower all women and girls) ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การประกวดคลิปสั้น TikTok การเดินแบบแฟชั่นโชว์ Gender Neutral Style กิจกรรมตอบปัญหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ และบูธกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้และทักษะในหลายมิติ

โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาความเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมถึงจะได้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสังคมที่ให้ความเคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย ทั้งในแง่ของเพศสภาพ บทบาททางสังคม และสิทธิของทุกคน ซึ่งกิจกรรมการประกวดคลิปสั้นบนแพลตฟอร์ม TikTok ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมใช้ความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะการสื่อสารในรูปแบบที่ทันสมัย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนหรือการทำงานในอนาคต และการเดินแบบแฟชั่นโชว์ Gender Neutral Style ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ถึงแนวคิดที่ไม่จำกัดเพศสภาพในการแสดงออกและแต่งกาย เป็นการส่งเสริมความหลากหลายและการยอมรับในสิทธิของแต่ละบุคคล รวมถึงกิจกรรมตอบปัญหาและซุ้มกิจกรรมต่างๆ ยังช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ และการทำงานร่วมกันในกลุ่ม ซึ่งเป็นทักษะที่มีความสำคัญในการทำงานและการพัฒนาตนเองในอนาคต

ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมความรู้ทางทฤษฎี แต่ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในด้านการศึกษา การสร้างสรรค์นโยบายหรือกิจกรรมที่ส่งเสริมความเท่าเทียม และการทำงานในภาคส่วนต่างๆ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุดมพร ธีระวิริยะกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด โดยจัดขึ้นในวันพุธที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารคณะสังคมศาสตร์และอาคารคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

รณรงค์การลดขยะภายในมหาวิทยาลัย

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตร่วมรณรงค์การลดขยะภายในคณะฯ อันเนื่องมาจากวิกฤติสถานการณ์การจัดการขยะภายในจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้
1.ลดการใช้พลาสติก โดยลดการใช้กล่อง ช้อนส้อม แก้ว และถุงพลาสติก แล้วหันมาใช้แก้ว จาน ช้อนส้อม ถุงผ้า ฯลฯ
2.ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถังขยะทั้ง 4 สี
3.ทิ้งขยะตามจุดที่คณะฯกำหนด

คณะผู้บริหารร่วมรับฟังปัญหาและความต้องการสิ่งสนับสนุนการเรียนของนิสิตพิการ

วันที่ 13 กันยายน 2567 ศูนย์บริการนิสิตพิการมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้นำนิสิตพิการ ในปีการศึกษา 2567 จำนวน 14 คน เข้าพบ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อกล่าวให้โอวาทสร้างขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และคณะผู้บริหารต่างๆ ร่วมรับฟังปัญหาและความต้องการสิ่งสนับสนุนการเรียนของนิสิตที่ต้องศึกษาในตลอด 4 ปี ณ ห้องประชุมเสลา 102 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

ภาพจาก: กองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร

ขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University)

วันที่ 23 – 25 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ประพิธาริ์ ธนารักษ์ คณะทำงานโครงการฯ พร้อมด้วย นิสิตปัจจุบันและศิษย์เก่าของวิทยาลัยฯ เข้าร่วมกิจกรรมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อช่วย “ลด” และ “ชดเชย” (lower & offset) การปล่อยคาร์บอนจนเป็นกลางของเครือข่าย C-อพ.สธ. สำหรับสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือตอนล่าง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University) โดยนิสิตและเครือข่ายฯ ได้เรียนรู้ที่มาและความสำคัญของแนวคิดความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร กิจกรรมชดเชยคาร์บอน แนวทางการประเมินการลด ดูดซับและการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และภาคการเกษตร การฝึกปฏิบัติการในการวัดต้นไม้แต่ละประเภท การเก็บข้อมูลต้นไม้ในแปลงตัวอย่าง การคำนวณการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ข้อมูลอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีอวกาศสำหรับการหามวลชีวภาพ โครงการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง SGtech คณะเกษตรศาสตร์ฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคเหนือตอนล่าง กองส่งเสริมการบริการวิชาการ กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา กองอาคารสถานที่ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ม.นเรศวร สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกิจกรรม “แฟนพันธุ์แท้ปลาไทย”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม “แฟนพันธุ์แท้ปลาไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่เน้นการสร้างความรู้และความตระหนักรู้เกี่ยวกับทรัพยากรสัตว์น้ำของไทย โดยเฉพาะปลาน้ำจืดไทยในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำ การแข่งขันนี้จัดขึ้นในงาน Open House ของคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567

ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ได้ให้การสนับสนุนรางวัลการแข่งขัน โดยการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ซึ่งมอบโดย ดร.กัลย์กนิต พิสมยรมย์ ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ในปีนี้ รางวัลชนะเลิศ ตกเป็นของ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ทีมที่ 2 และยังมี รางวัลรองชนะเลิศ และ รางวัลชมเชย สำหรับทีมอื่น ๆ จากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีและโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งสิ้น 24 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 14) ซึ่งมุ่งเน้นการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับเยาวชนและชุมชนในอนาคต

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมนี้ พร้อมทั้งยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในครั้งนี้ การสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษาทรัพยากรทางน้ำนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย.

มหาวิทยาลัยนเรศวร สร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีการสร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนในมหาวิทยาลัย, ชุมชนโดยรอบ, และผู้ประกอบการท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลาดโบราณย้อนยุคไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเลือกซื้ออาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวของขนมและอาหารโบราณที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่เช่นนี้ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมาย SDG 4 “การศึกษาที่มีคุณภาพ” และ SDG 11 “เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ตลาดโบราณย้อนยุคยังเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีโอกาสสร้างรายได้ถือเป็นการส่งเสริม SDG 8 “การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โดยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีกิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาใช้ใหม่เป็นภาชนะในการปลูกต้นไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ในขวดพลาสติกที่เป็นวัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดขยะในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 “การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน” โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การสร้างพื้นที่แห่งความสุขเช่นนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ความรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรมในทุกมิติของการพัฒนา

นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร คว้ารางวัลที่ 3 ในโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ

นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร คว้ารางวัลที่ 3 ในโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ จากมูลนิธิรากแก้ว ในงาน National Exposition 2024 University Sustainability Showcase ในระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม พ.ศ.2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับนิสิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศลำดับที่ 3 ทีมหน้าใหม่ประจำปี 2567 ในการแข่งขันโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิรากแก้ว ซึ่งมีบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท KPMG, Junior Achievement Thailand และมูลนิธิ SCG เป็นผู้ร่วมสนับสนุน

นิสิตที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย นายสกาย คิดลูน จอมพงษ์ นางสาววาสิตา รอดอินทร์ นิสิตชั้นปีที่ 4 จากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนายกษิดิศ เห็มกัณฑ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ โดยได้นำเสนอผลงาน “Paopae” นวัตกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ผลงาน “Paopae” มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกโดยใช้ระบบพาสปอร์ตสะสมแต้ม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสะสมแต้มเพื่อแลกรับน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ประจำจังหวัด ทั้งนี้ ยังได้มีการนำเสนอแนวความคิดในการนำผ้าทอลายประจำจังหวัดมาใช้ในการออกแบบชุดร่วมสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจและเสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลงานนี้ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการและได้รับรางวัลระดับ Silver พร้อมโล่ห์รางวัล อันเป็นการยืนยันถึงศักยภาพและความสามารถของนิสิตในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ดร.ชไมพร ศรีสุราช และ อาจารย์ศรัณย์พร เกิดเกาะ จากวิทยาลัยนานาชาติ ได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและแนะนำให้นิสิตได้พัฒนาผลงานจนประสบความสำเร็จ

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีและภูมิใจในความสำเร็จของนิสิตที่ได้นำชื่อเสียงและเกียรติยศมาสู่มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ตรวจสุขภาพตามความเสี่ยง เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและป้องกันโรคในที่ทำงาน

ในแง่ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ทุกคนในทุกช่วงวัย มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของบุคลากรและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรคือ โครงการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงจากการทำงาน กิจกรรมที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นโดย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิดโครงการ

วัตถุประสงค์ของโครงการ: การป้องกันโรคจากการทำงาน โครงการนี้มีจุดประสงค์หลักในการให้ความรู้และส่งเสริมการป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงาน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (ออฟฟิศซินโดรม) ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่เกิดจากการทำงานที่มีลักษณะซ้ำซากหรือท่าทางที่ไม่เหมาะสมในการทำงาน เช่น การนั่งทำงานในท่าทางที่ผิดปกติ การยกของหนัก หรือการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การให้คำแนะนำในการออกกำลังกายและการเสริมสมรรถภาพทางกายจึงมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงจากโรคเหล่านี้

โครงการนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้กับบุคลากรในหน่วยงานที่มีความเสี่ยงจากปัญหาด้านการยศาสตร์ และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการป้องกันและการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย เพื่อช่วยให้บุคลากรสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต

การตรวจสุขภาพและประเมินสมรรถภาพทางกาย โครงการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงจากการทำงานนี้มีการจัดกิจกรรม การตรวจสมรรถภาพทางกาย ซึ่งช่วยให้บุคลากรทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและการทำงานของร่างกายที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมการทำงานของตนเอง โดยผ่านการประเมินสภาพทางกายและการแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดอาการเจ็บป่วยจากการทำงานที่ยืดเยื้อและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต เช่น ปัญหาจากท่าทางการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม หรือการยกของหนัก

การตรวจสมรรถภาพทางกายจะช่วยให้บุคลากรทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง และสามารถปรับพฤติกรรมการทำงานให้มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้วิธีการป้องกันอาการเจ็บป่วยจากการทำงานที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะยาว

การอบรมและการสาธิต หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของโครงการคือ การอบรมเกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งให้ความรู้ในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในการทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการทำงาน ทั้งในด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยังมี การสาธิตการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคทางกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น โรคปวดหลังหรือออฟฟิศซินโดรม ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

การสนับสนุนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3 “การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีในทุกกลุ่มประชากร การลดอัตราการเจ็บป่วยจากการทำงาน และการส่งเสริมความยั่งยืนในสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้น การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานและการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานมีส่วนช่วยในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ผลกระทบทางสุขภาพและเศรษฐกิจ จากรายงานของ สำนักงานประกันสังคม ระหว่างปี 2562-2566 พบว่าโรคที่เกิดจากการทำงานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น โรคปวดหลังจากการยกของหนักหรือการนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลกระทบทั้งในด้านสุขภาพของบุคลากรและผลผลิตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้การลงทุนในการป้องกันโรคจากการทำงานถือเป็นการลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยที่สามารถป้องกันได้ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต

การสร้างสังคมสุขภาพดีและยั่งยืน การดำเนินโครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในที่ทำงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน โดยโครงการนี้มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากร และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีในระยะยาว

มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงขอเชิญชวนบุคลากรทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย และร่วมกันพัฒนาสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืนไปพร้อมกัน

หากท่านสนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน่วยอาชีวอนามัยและส่งเสริมสุขภาพนิสิตที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ดำเนินโครงการทันตกรรมพระราชทานฯ ให้บริการผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน SDGs 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 10 (การลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งมุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้คนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เช่น การให้บริการทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มักจะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

โครงการบริการทันตกรรมพระราชทานฯ ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมกันคือ การให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง โดยผ่าน หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้ออกให้บริการทันตกรรมใน เรือนจำกลางพิษณุโลก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กับกลุ่มคนที่อาจขาดโอกาสในการรับการรักษา

ในกิจกรรมนี้ มีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมทั้งหมด 498 ราย โดยการรักษามีหลากหลายประเภท เช่น การถอนฟัน, การผ่าฟันคุด, การตัดไหม, การแต่งกระดูก และการตัดก้อน Fibroma ซึ่งเป็นการให้บริการทันตกรรมที่ครบวงจรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปรับปรุงสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ

รายละเอียดการรักษาและผลตอบรับจากผู้ต้องขัง การให้บริการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากปัญหาฟันและเหงือกของผู้ต้องขัง แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ต้องขังหลายคนได้แสดงความต้องการให้มีการจัดบริการทางทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมในสถานที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา

การรักษาทางทันตกรรมที่ให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาความเจ็บปวดจากฟันผุและฟันคุดที่ผู้ต้องขังต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่สามารถรับการรักษาอย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเดินทางไปรับบริการที่อื่น

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะการให้บริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันในทุกๆ ชุมชน รวมถึงผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะถูกมองข้ามในแง่ของการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ที่มุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคในสังคมและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้ต้องขังในเรือนจำ การให้บริการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้เป็นการเสริมสร้างความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบในระยะยาวและความสำคัญของโครงการ การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ต้องขัง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว เมื่อผู้ต้องขังได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายในภาพรวม

การให้บริการทันตกรรมในเรือนจำยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการที่มีคุณภาพยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ต้องขัง โดยการดูแลที่ดีช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสร้างความยั่งยืนในชุมชน โครงการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการใช้ความรู้และทรัพยากรที่มีในการสร้างผลกระทบทางบวกในสังคม โดยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นไปตามหลักการของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มประชากร แม้แต่ผู้ต้องขังที่อาจขาดโอกาสในการรับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การดำเนินโครงการนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ, และภาคสังคมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในชุมชน โดยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และจะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 14 (SDG 14) “การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน” ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงานของนิสิตในสาขาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิสิตชั้นปีที่ 2 และ 3 ได้เดินทางไปยัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเล รวมถึงวิธีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมที่เน้นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนดังนี้:

  1. การบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง SEP for SDGs
    นิสิตได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เช่น การจัดสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
  2. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน
    เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของป่าไม้ชายฝั่งในการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เช่น การเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ การลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง และการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ
  3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนตามแนวพระราชดำริ
    กิจกรรมปลูกป่าชายเลนช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและการเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ

บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริม SDG 14 กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความรู้และทักษะเชิงวิชาการให้กับนิสิต แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการปฏิบัติจริงในพื้นที่ นิสิตได้รับโอกาสในการทำความเข้าใจบทบาทของทรัพยากรทางทะเลที่มีต่อชุมชนและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียนรู้แนวทางในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

ส่งเสริมความรู้คู่การอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลในบริบทที่กว้างขวางขึ้น เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin