ม.นเรศวร สำรวจโซเดียมในอาหารมหาวิทยาลัย ชูแนวทางลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม
ในวันที่ 18 มีนาคม 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชนร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์และกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมสำรวจปริมาณโซเดียมในอาหาร โดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt Meter) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 2 (การยุติความหิวโหย) และ SDG 3 (การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) รวมถึงการสร้างความร่วมมือในระดับภาคีเครือข่ายตาม SDG 17 (การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา)
รายละเอียดการดำเนินการ กิจกรรมสำรวจในครั้งนี้มุ่งเน้นการประเมินระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในโรงอาหารและร้านค้ารอบมหาวิทยาลัย โดยทำการสำรวจอาหารในโรงอาหารของหอพักมหาวิทยาลัยจำนวน 12 ร้านค้า และเมนูอาหาร 13 ชนิด พบว่าอาหารที่มีระดับความเค็มน้อยมีจำนวน 9 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 69.23 ของตัวอย่างทั้งหมด อาหารที่มีระดับความเค็มมาก พบว่า 3 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 23.08 และอาหารที่มีความเค็มในระดับเริ่มเค็ม พบว่า 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 7.69
นอกจากนี้ ยังได้สำรวจร้านค้ารอบมหาวิทยาลัยนเรศวรจำนวน 10 ร้านค้า เมนูอาหารทั้งหมด 10 ชนิด พบว่าอาหารที่มีความเค็มน้อยมีจำนวน 5 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 50 อาหารที่เริ่มเค็มมีจำนวน 4 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 40 และอาหารที่เค็มมากพบว่า 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 10
การแนะนำและส่งเสริมการลดโซเดียมในอาหาร ในกระบวนการสำรวจครั้งนี้ ทีมงานได้ให้คำแนะนำแก่ร้านค้าเกี่ยวกับการลดปริมาณเครื่องปรุงรสในอาหาร โดยเฉพาะการลดการใช้น้ำปลาและเกลือ ซึ่งเป็นแหล่งของโซเดียมที่สำคัญ คำแนะนำดังกล่าวมุ่งเน้นที่การสร้างสมดุลในการปรุงรส เพื่อให้รสชาติยังคงอร่อย แต่ลดปริมาณโซเดียมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
นอกจากนี้ ทีมงานยังได้ติดสติกเกอร์แสดงข้อมูลเกี่ยวกับระดับความเค็มของอาหารสำหรับร้านค้าที่มีเมนูอาหารเค็มน้อยจำนวน 14 ร้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำและดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น การติดสติกเกอร์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักถึงปริมาณโซเดียมในอาหาร แต่ยังช่วยสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าปรับปรุงการใช้เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
ผลกระทบและการยกระดับคุณภาพชีวิต การลดปริมาณโซเดียมในอาหารส่งผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมสูง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต การลดปริมาณโซเดียมในอาหารจึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ยั่งยืนในระดับบุคคลและสังคม อีกทั้งยังช่วยลดภาระด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคในระยะยาว
การสำรวจและการให้คำแนะนำนี้ยังช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ในกลุ่มนิสิตและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับผลกระทบของโซเดียมต่อสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมต่ำจะส่งผลให้ชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวรมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นและมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กิจกรรมการสำรวจโซเดียมในอาหารในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับ SDG 2 (การยุติความหิวโหย) ในการส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังเชื่อมโยงกับ SDG 3 (การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) ซึ่งมุ่งเน้นการลดการบริโภคโซเดียมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ การส่งเสริมให้มีการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อโรคที่สามารถป้องกันได้
นอกจากนี้ การลงมือร่วมมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์และกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังสะท้อนถึง SDG 17 (การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา) โดยการร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชน
ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร