ในแง่ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่ทุกคนในทุกช่วงวัย มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อเสริมสร้างสุขภาพของบุคลากรและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรคือ โครงการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงจากการทำงาน กิจกรรมที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นโดย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิดโครงการ
วัตถุประสงค์ของโครงการ: การป้องกันโรคจากการทำงาน โครงการนี้มีจุดประสงค์หลักในการให้ความรู้และส่งเสริมการป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงาน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (ออฟฟิศซินโดรม) ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่เกิดจากการทำงานที่มีลักษณะซ้ำซากหรือท่าทางที่ไม่เหมาะสมในการทำงาน เช่น การนั่งทำงานในท่าทางที่ผิดปกติ การยกของหนัก หรือการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การให้คำแนะนำในการออกกำลังกายและการเสริมสมรรถภาพทางกายจึงมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงจากโรคเหล่านี้
โครงการนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้กับบุคลากรในหน่วยงานที่มีความเสี่ยงจากปัญหาด้านการยศาสตร์ และการให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการป้องกันและการเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย เพื่อช่วยให้บุคลากรสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่มีผลต่อคุณภาพชีวิต
การตรวจสุขภาพและประเมินสมรรถภาพทางกาย โครงการตรวจสุขภาพตามความเสี่ยงจากการทำงานนี้มีการจัดกิจกรรม การตรวจสมรรถภาพทางกาย ซึ่งช่วยให้บุคลากรทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและการทำงานของร่างกายที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมการทำงานของตนเอง โดยผ่านการประเมินสภาพทางกายและการแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดอาการเจ็บป่วยจากการทำงานที่ยืดเยื้อและป้องกันปัญหาสุขภาพในอนาคต เช่น ปัญหาจากท่าทางการนั่งทำงานที่ไม่เหมาะสม หรือการยกของหนัก
การตรวจสมรรถภาพทางกายจะช่วยให้บุคลากรทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง และสามารถปรับพฤติกรรมการทำงานให้มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้วิธีการป้องกันอาการเจ็บป่วยจากการทำงานที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะยาว
การอบรมและการสาธิต หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของโครงการคือ การอบรมเกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งให้ความรู้ในการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในการทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการทำงาน ทั้งในด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากนี้ยังมี การสาธิตการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคทางกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น โรคปวดหลังหรือออฟฟิศซินโดรม ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
การสนับสนุนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3 “การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี” ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีในทุกกลุ่มประชากร การลดอัตราการเจ็บป่วยจากการทำงาน และการส่งเสริมความยั่งยืนในสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้น การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานและการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงานมีส่วนช่วยในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน
ผลกระทบทางสุขภาพและเศรษฐกิจ จากรายงานของ สำนักงานประกันสังคม ระหว่างปี 2562-2566 พบว่าโรคที่เกิดจากการทำงานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น โรคปวดหลังจากการยกของหนักหรือการนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งส่งผลกระทบทั้งในด้านสุขภาพของบุคลากรและผลผลิตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้การลงทุนในการป้องกันโรคจากการทำงานถือเป็นการลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยที่สามารถป้องกันได้ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต
การสร้างสังคมสุขภาพดีและยั่งยืน การดำเนินโครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในที่ทำงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน โดยโครงการนี้มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากร และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีในระยะยาว
มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงขอเชิญชวนบุคลากรทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีในทุกช่วงวัย และร่วมกันพัฒนาสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืนไปพร้อมกัน
หากท่านสนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน่วยอาชีวอนามัยและส่งเสริมสุขภาพนิสิตที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร