ม.นเรศวร ร่วมสัมมนา ‘Textile Talk’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเขต LIMEC ยกระดับศักยภาพสุโขทัย สร้างรายได้และอาชีพยั่งยืน
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้การนำของ ดร.จารุวรรณ แดงบุบผา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และ นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับบุคลากรจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมการสัมมนา “Textile Talk” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมผ้าทอและวัฒนธรรมในพื้นที่ โดยมีการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในเครือข่ายระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC (Lower Mekong Subregion Economic Corridor) ณ โรงแรมสุทัยเทรชเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุโขทัย
1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านวัฒนธรรมและหัตถกรรม: การสัมมนาครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักในการส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม ผ่านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการยกระดับ เมืองสุโขทัย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพด้านงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน สถานที่นี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือระหว่างพื้นที่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC ซึ่งประกอบด้วยหลายประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ, ภาคเอกชน, และ ภาคประชาชน ในการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและพื้นที่โดยรอบ ผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เน้นการเชื่อมโยงกับ งานหัตถกรรมพื้นบ้าน อันเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการที่มีในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
2. การสร้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8): การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและงานหัตถกรรมในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น งานทอผ้าและศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน นอกจากจะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวแล้วยังมีผลต่อการ สร้างงาน และ สร้างอาชีพ ในท้องถิ่น การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในการทำงานหัตถกรรมทำให้ชุมชนมีโอกาสในการสร้างรายได้จากกิจกรรมเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
การพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้น เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นแนวทางสำคัญในการส่งเสริม SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี) ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืน หรือการลงทุนภายนอกที่ไม่เกิดประโยชน์กับชุมชนอย่างแท้จริง
3. การส่งเสริมการพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (SDG 11): การสัมมนาครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) โดยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ผสมผสานกับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งเสริม การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การใช้วัฒนธรรมท้องถิ่นและงานหัตถกรรมเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ยังช่วยในการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ยังทำให้เมืองสุโขทัยมีโอกาสในการเติบโตในฐานะ เมืองสร้างสรรค์ ซึ่งมีการใช้ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองให้มีความเป็นเอกลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวในระยะยาว การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และสร้างความเชื่อมโยงกับการพัฒนาระยะยาวของเมืองให้ยั่งยืน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 11 อย่างมีประสิทธิภาพ
4. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสนับสนุนและการเชื่อมโยงเครือข่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและศิลปะท้องถิ่น ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้าง พันธมิตร ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและขยายผลการพัฒนาไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ภายในเขตระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC
การส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้า ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้าง งาน และ อาชีพ ให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับทั้ง SDG 1 (การขจัดความยากจน) และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน) รวมถึง SDG 11 ที่เน้นการพัฒนาเมืองและชุมชนให้มีความยั่งยืน
ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร