โรงพยาบาลทันตกรรม ม.นเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการร่วมเป็นสถานพยาบาลในการให้บริการทางทันตกรรมไม่ต้องสำรองจ่าย

รองศาสตราจารย์ ดร.ทันตแพทย์หญิงพีรยา ภูอภิชาติดำรง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ผศ.ดร.ทพญ.จิตติมา พุ่มกลิ่น รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการให้บริการทางทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่ายแก่ผู้ประกันตน ในการใช้สิทธิ์ 900 บาทต่อปี

การลงนามในครั้งนี้มีขึ้นที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางอาภรณ์ แว่วสอน ประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมได้รับสิทธิในการใช้บริการทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ โดยสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ทุกปี ในวงเงิน 900 บาท

โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและสามารถจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพทั่วไปหรือการรักษาเฉพาะทาง รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการสุขภาพระหว่างชนชั้นและกลุ่มประชากรต่างๆ

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและโรงพยาบาลทันตกรรมเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสุขภาพของสังคมในระยะยาว

สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่สนใจสามารถใช้สิทธิ์ในการรับบริการทันตกรรมได้ที่โรงพยาบาลทันตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นสถานพยาบาลในการให้บริการตามโครงการนี้ และสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามข้อกำหนดที่ระบุในบันทึกข้อตกลง.

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ:The 2nd TNDR Conference (National & International) “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” จัดโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) เป็นประธานในการเปิดการประชุม

หลังจากนั้นมีการเสวนาที่น่าสนใจ
1 ประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ “
1. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย
2. รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง คณบดีวิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (กปว.)
4. ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการแพล็ตฟอร์มสร้างธุรกิจนวัตกรรม ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ บจม.พีทีที โกลบอล เคมิคัล ผู้ดำเนินรายการ: ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี

2. เสวนาเครือข่าย TNDR ประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!”
1. คุณวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน)
2. คุณสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3. คุณวีฤทธิ กวยะปาณิก หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
4. รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ดำเนินรายการ: นายสมคิด สะเภาคำ ผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ และนานาชาติ พร้อมทั้งนิทรรศการโปสเตอร์และบูธเครือข่าย TNDR

ม.นเรศวร ร่วมมือ GIZ จัดประชุมพัฒนานโยบาย Agrivoltaics เสริมพลังงานสะอาดระดับนานาชาติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะผู้นำในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 7 และ 17) ได้แสดงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนานวัตกรรมในด้านพลังงาน โดยการร่วมมือกับองค์กรนานาชาติและหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ในการพัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืนและตอบโจทย์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมกับองค์กร Clean, Affordable and Secure Energy for Southeast Asia: (CASE) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนานโยบายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชร่วมกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Agrivoltaics) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการ “Recommended policy and regulation pertaining Agrivoltaics in Thailand” และเป็นการต่อยอดจากการศึกษาแนวทางปฏิบัติในโครงการ Thai-German Energy Dialogue (TGED) ในปี 2566 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวทางและนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา Agrivoltaics ในประเทศไทย โดยได้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน

การพัฒนา Agrivoltaics ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนการบูรณาการพลังงานสะอาดในภาคการเกษตร พร้อมทั้งช่วยลดการใช้ที่ดินและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

การร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ GIZ และองค์กรที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานโยบายพลังงานที่ยั่งยืนและการสร้างแนวทางใหม่ ๆ สำหรับการใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพลังงาน

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมของวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ที่:

ม.นเรศวร ร่วมกับ รพ.สต. คัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยเบาหวาน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ

หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย ได้จัดโครงการ “ตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยโรคเบาหวาน” ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (รพ.สต.) วังนาคู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

โดยโครงการนี้มีแพทย์และบุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์จากงานบริการปฐมภูมิและทีมงานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่ายเป็นผู้ให้บริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ในการดำเนินโครงการครั้งนี้ มีผู้ป่วยโรคเบาหวานจากชุมชนเข้ามารับการตรวจคัดกรองจำนวนทั้งสิ้น 96 คน ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพในระดับชุมชนตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-Being) ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนทางตา

การตรวจคัดกรองในครั้งนี้มีความสำคัญในการคัดกรองโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะเริ่มต้น ซึ่งสามารถทำการรักษาและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานให้แก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 10 (Reduced Inequality) ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงบริการสุขภาพ

โครงการนี้ยังได้มีการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล และชุมชน ซึ่งเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาและการป้องกันโรคในระดับชุมชนตามแนวทางของ SDGs.

วันที 4 มิถุนายน 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชา
จักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย จัดโครงการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมในผู้ปวยโรคเบาหวาน ณ รพ.สต. บ้านเสาหิน โดยมีแพทย์ บุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา บุคลากรปฐมภูมิฯ และรพ.สต. ในเครือข่ายร่วมให้บริการ โดยมีผู้ปวยโรคเบาหวานเข้ามารับบริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมทังหมด 146 คน

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวรได้รับการประเมิน ‘4 ดาว’ จาก Healthy University Rating System 2023 สะท้อนความสำเร็จในการส่งเสริมสุขภาพและสุขภาพจิตในมหาวิทยาลัย

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับการประเมินในระดับ 4 ดาว จาก เครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพแห่งอาเซียน (ASEAN University Network – Health Promotion Network – AUN-HPN) ภายใต้เกณฑ์ Healthy University Rating System (HURS) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการดำเนินงานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย โดยการได้รับรางวัลในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-Being) ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรตั้งใจให้ความสำคัญมาโดยตลอด

การได้รับการประเมินเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับ 4 ดาว” นี้ เป็นรางวัลที่มีความหมายสูงและสะท้อนถึงการดำเนินงานที่ต่อเนื่องในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของทั้งนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย รวมถึงการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในแคมปัสของมหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ในโอกาสที่ได้รับการประเมินนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการเข้าร่วม การประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคม 2567ห้องราชมณเฑียร แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพมหานคร

ในการประชุมวิชาการครั้งนี้ ได้มีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสร้างสภาพแวดล้อมการศึกษาและการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพในมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริม SDG 3 (Good Health and Well-being) โดยการจัดการประชุมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบการสร้างเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัยทั้งในระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน โดยมีการนำเสนอแนวทางและกลยุทธ์ในการส่งเสริมสุขภาพของทั้งนักศึกษาและบุคลากรในมหาวิทยาลัย.

ความสำคัญของการได้รับรางวัล “Healthy University Rating System (HURS) 2023” การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับการประเมินเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับ 4 ดาว” ตามเกณฑ์ Healthy University Rating System (HURS) ในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญในการสร้าง “วัฒนธรรมการส่งเสริมสุขภาพ” ภายในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในด้านการดูแลสุขภาพจิตของนักศึกษา การส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพ และการจัดการสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัยให้เอื้อต่อการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ

การได้รับรางวัลนี้สะท้อนถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและการมุ่งมั่นในการสร้างมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสุขภาพให้กับนักศึกษาและบุคลากร โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดการมีสุขภาพดีในทุกมิติ ทั้งกายและจิต รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ช่วยให้ผู้เรียนมีสุขภาพที่ดีและสามารถทำงานหรือเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การส่งเสริมสุขภาพในระดับมหาวิทยาลัย รางวัล 4 ดาว จาก Healthy University Rating System (HURS) เป็นเครื่องหมายของการยอมรับในความพยายามของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาแคมปัสให้เป็น “มหาวิทยาลัยสุขภาพ” ที่มีการดำเนินงานด้านการส่งเสริมสุขภาพในทุกด้าน ทั้งในเรื่องของ การดูแลสุขภาพจิต การสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ การจัดกิจกรรมที่สนับสนุนการออกกำลังกายและการดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาพดี

สิ่งนี้สอดคล้องกับ SDG 3 ซึ่งมุ่งเน้นให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีและส่งเสริมการดูแลสุขภาพจิตในทุกๆ ชุมชน รวมถึงมหาวิทยาลัย เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ในระยะยาวที่ทั้งนักศึกษาและบุคลากรสามารถมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

การร่วมมือในระดับชาติและภูมิภาค (SDG 17) การได้รับการประเมินในระดับนี้ยังเป็นการแสดงถึง ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัย ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SDG 17 (Partnerships for the Goals) ที่มีเป้าหมายในการสร้างพันธมิตรทางการศึกษาและวิจัยที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกๆ ด้าน.

การที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการประเมินเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับ 4 ดาว” จาก Healthy University Rating System (HURS) แสดงถึงความสำเร็จในด้านการส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย และการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแคมปัสที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีทั้งทางกายและจิต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย SDG 3 (Good Health and Well-Being) และ SDG 17 (Partnerships for the Goals) ในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาระบบสุขภาพในระดับมหาวิทยาลัยและภูมิภาค.

ม.นเรศวร เข้าร่วมประชุมวิชาการสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 และรับรางวัล Healthy University Rating System 2023 ระดับ 4 ดาว

เมื่อวันที่ 21-22 มีนาคม 2567 คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ พร้อมด้วย ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ดร.รมย์นลิน เขียนจูม ได้เข้าร่วม การประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ เครือข่าย Thai University Network – Health Promotion Network (TUN-HPN) ในหัวข้อสำคัญ “Building a Culture of Health Promotion: Fostering Mental Health Awareness and Support on Campus” ณ ห้องราชมณเฑียร แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ

การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการ ส่งเสริมสุขภาพ ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของ สุขภาพจิต โดยเฉพาะในกลุ่มนิสิตและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาแนวทางการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตในแคมปัส โดยมีการแชร์ประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยและอาเซียนที่มีส่วนร่วมในเครือข่าย.

การจัดงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจัดขึ้นโดย สำนักงานเลขาธิการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (ASEAN University Network-Health Promotion Network AUN-HPN) ภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยแกนนำในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาศักยภาพด้านการสร้างเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการของเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศไทยและอาเซียน

หัวข้อสำคัญของการประชุมในปีนี้ คือ “การสร้างวัฒนธรรมการส่งเสริมสุขภาพ: การส่งเสริมความตระหนักและการสนับสนุนสุขภาพจิตในแคมปัส” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตในชุมชนมหาวิทยาลัย การสร้างพื้นที่ปลอดภัยและสนับสนุนด้านจิตใจสำหรับนักศึกษาและบุคลากรถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 3 (Good Health and Well-being) ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนมีสุขภาพดีและการดูแลสุขภาพจิตเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสุขภาพในระดับสากล โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการพูดถึงแนวทางการปรับปรุงนโยบายและการนำเสนอแผนงานที่สามารถส่งเสริมสุขภาพจิตในหมู่นักศึกษาและบุคลากรในสถาบันการศึกษาอย่างยั่งยืน

ในงานนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติในการรับ รางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ในระดับ 4 ดาว ซึ่งถือเป็นการยอมรับถึงความสำเร็จในการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลความเป็นอยู่ของนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย คณะสาธารณสุขศาสตร์และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมแสดงความยินดีและขอแสดงความขอบคุณทีมงานที่ทำงานร่วมกันจนสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญนี้ได้ โดย รศ.ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นตัวแทนในการรับมอบรางวัลดังกล่าว

การได้รับ รางวัล Healthy University Rating System (HURS) ในระดับ 4 ดาว นั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการดำเนินงานเพื่อสร้าง ชุมชนสุขภาพ ที่ดีและยั่งยืนในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในด้านการดูแลสุขภาพจิต การส่งเสริมสุขภาพกาย และการสนับสนุนในด้านการพัฒนาแหล่งทรัพยากรมนุษย์ที่มีสุขภาพดี การพัฒนานี้สามารถส่งผลบวกต่อทั้งนิสิตและบุคลากรในระยะยาว

นอกจากนี้ รางวัลนี้ยังเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือในระดับ SDGs 17 (Partnerships for the Goals) ซึ่งเน้นการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องในทุกๆ ปี.

การเข้าร่วม ประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ของเครือข่าย TUN-HPN และการได้รับรางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ในระดับ 4 ดาว ของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จในด้านการส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3 และ SDG 17 นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการสร้าง พันธมิตรทางวิชาการและการร่วมมือระหว่างประเทศ ในการพัฒนาสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากรในระดับสากล.

ม.นเรศวร ลงนาม MOU ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ AACI ส่งเสริมมาตรฐาน GHA เพื่อยกระดับบริการสุขภาพ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 รศ.ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับภาคีเครือข่ายในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ (AACI) โดยมี ผศ.พญ.พิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์, นพ.สมพร คำผง กรรมการบริหารสถาบัน AACI, รองประธานอาวุโส AACI อเมริกา และคุณเรวัต เด่นจักรวาฬ กรรมการผู้จัดการ AACI เอเชียแปซิฟิก ร่วมลงนามในครั้งนี้ ณ บริเวณโถงชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 2

วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ โครงการสัมมนามาตรฐานภาคีเครือข่ายในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ (AACI) และการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมให้ผู้บริหารและบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงผู้บริหารจากคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน GHA (Global Health Accreditation) และ AACI (Asian Association for Clinical Improvement) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ

การลงนามใน MOU ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายต่างๆ เช่น GHA, AACI และ Planetree ในการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในมหาวิทยาลัยนเรศวรและชุมชนในระดับประเทศ

กิจกรรมภายในโครงการ โครงการสัมมนาครั้งนี้มีการจัดอบรมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ ได้เรียนรู้ถึงมาตรฐาน AACI และ GHA ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพในด้านต่างๆ เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานของโรงพยาบาล การยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วย และการสร้างความยั่งยืนในระบบบริการสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดข้อมูลและแนวทางการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพผ่านการอบรมออนไลน์ทาง Zoom Meeting ซึ่งมีผู้บริหารและบุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงคณะอื่นๆ และบุคลากรสายสนับสนุนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 150 คน

ความสำคัญและการส่งเสริม SDGs 3 และ 17 การลงนาม MOU และการจัดสัมมนาครั้งนี้สอดคล้องกับ SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและการพัฒนาบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพที่สามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ซึ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพในระยะยาว

การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) นี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการบริการสุขภาพและส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญในวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของมหาวิทยาลัยนเรศวร.

ม.นเรศวร สำรวจโซเดียมในอาหารมหาวิทยาลัย ชูแนวทางลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม

ในวันที่ 18 มีนาคม 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชนร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์และกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมสำรวจปริมาณโซเดียมในอาหาร โดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt Meter) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 2 (การยุติความหิวโหย) และ SDG 3 (การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) รวมถึงการสร้างความร่วมมือในระดับภาคีเครือข่ายตาม SDG 17 (การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา)

รายละเอียดการดำเนินการ กิจกรรมสำรวจในครั้งนี้มุ่งเน้นการประเมินระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในโรงอาหารและร้านค้ารอบมหาวิทยาลัย โดยทำการสำรวจอาหารในโรงอาหารของหอพักมหาวิทยาลัยจำนวน 12 ร้านค้า และเมนูอาหาร 13 ชนิด พบว่าอาหารที่มีระดับความเค็มน้อยมีจำนวน 9 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 69.23 ของตัวอย่างทั้งหมด อาหารที่มีระดับความเค็มมาก พบว่า 3 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 23.08 และอาหารที่มีความเค็มในระดับเริ่มเค็ม พบว่า 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 7.69

นอกจากนี้ ยังได้สำรวจร้านค้ารอบมหาวิทยาลัยนเรศวรจำนวน 10 ร้านค้า เมนูอาหารทั้งหมด 10 ชนิด พบว่าอาหารที่มีความเค็มน้อยมีจำนวน 5 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 50 อาหารที่เริ่มเค็มมีจำนวน 4 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 40 และอาหารที่เค็มมากพบว่า 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 10

การแนะนำและส่งเสริมการลดโซเดียมในอาหาร ในกระบวนการสำรวจครั้งนี้ ทีมงานได้ให้คำแนะนำแก่ร้านค้าเกี่ยวกับการลดปริมาณเครื่องปรุงรสในอาหาร โดยเฉพาะการลดการใช้น้ำปลาและเกลือ ซึ่งเป็นแหล่งของโซเดียมที่สำคัญ คำแนะนำดังกล่าวมุ่งเน้นที่การสร้างสมดุลในการปรุงรส เพื่อให้รสชาติยังคงอร่อย แต่ลดปริมาณโซเดียมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

นอกจากนี้ ทีมงานยังได้ติดสติกเกอร์แสดงข้อมูลเกี่ยวกับระดับความเค็มของอาหารสำหรับร้านค้าที่มีเมนูอาหารเค็มน้อยจำนวน 14 ร้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำและดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น การติดสติกเกอร์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคตระหนักถึงปริมาณโซเดียมในอาหาร แต่ยังช่วยสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าปรับปรุงการใช้เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

ผลกระทบและการยกระดับคุณภาพชีวิต การลดปริมาณโซเดียมในอาหารส่งผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับโซเดียมสูง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต การลดปริมาณโซเดียมในอาหารจึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพที่ยั่งยืนในระดับบุคคลและสังคม อีกทั้งยังช่วยลดภาระด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคในระยะยาว

การสำรวจและการให้คำแนะนำนี้ยังช่วยเพิ่มการตระหนักรู้ในกลุ่มนิสิตและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับผลกระทบของโซเดียมต่อสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมต่ำจะส่งผลให้ชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวรมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นและมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

การเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กิจกรรมการสำรวจโซเดียมในอาหารในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สอดคล้องกับ SDG 2 (การยุติความหิวโหย) ในการส่งเสริมการเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังเชื่อมโยงกับ SDG 3 (การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) ซึ่งมุ่งเน้นการลดการบริโภคโซเดียมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ การส่งเสริมให้มีการบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพมีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อโรคที่สามารถป้องกันได้

นอกจากนี้ การลงมือร่วมมือกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์และกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังสะท้อนถึง SDG 17 (การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนา) โดยการร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในชุมชน

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านการลดก๊าซเรือนกระจก

วันที่ 20 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านการลดก๊าซเรือนกระจก ในภาคพลังงานของประเทศ ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงานของประเทศ

บันทึกความร่วมมือดังกล่าวฯ ให้ความสำคัญด้านการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสองในการศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงานของประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศที่ต้องการการแก้ไขอย่างถูกต้องและรวดเร็วเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยภายใต้ MoU ฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายจะมีการประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล และร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องรวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของโครงการตลอดระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี โดยในพิธีลงนามฯ ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ ดร.วินิตา บุณโยดม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ และรองศาสตราจารย์วงกต วงศ์อภัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุมตะวัน กังวานพงศ์ อาคารยุทธศาสตร์ สำนักงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin