ม.นเรศวร ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Net Zero Emission ประกาศใช้มาตรฐานลด “ก๊าซเรือนกระจก” 7 มาตรฐานต่อเนื่อง

วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหนึ่งในหน่วยงานกว่า 200 รายทั่วประเทศ ที่สามารถนำมาตรฐาน Net Zero Emission ไปใช้เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์กว่า 50 ล้านตันต่อปี และเคยได้รับโล่เกียรติยศ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทส. & องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ณ งาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” ภายใต้แนวคิด “Climate Actions – Together”

         กระทรวงอุตสาหกรรมขับเคลื่อนนโยบาย Net Zero Emission เดินหน้าประกาศใช้มาตรฐานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 7 มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง  เผยภาคอุตสาหกรรมนำไปใช้ ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แล้วกว่า 50 ล้านตัน  

         นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศใช้มาตรฐานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 7 มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรฐานข้อกำหนดและข้อแนะนำระดับองค์กร การวัดปริมาณและการรายงานผลการปลดปล่อย และลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก มาตรฐานแนวทางการหาปริมาณคาร์บอนฟุตพริ๊นท์  มาตรฐานแนวทางการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมาตรฐานสำหรับหน่วยตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของไทยนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้ เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม  โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกที่มีสาเหตุมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ประกอบการนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้แล้วกว่า 200 รายทั่วประเทศ โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2562 – 15 สิงหาคม 2565 ประเทศไทยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้แล้วกว่า 50 ล้านตัน ซึ่งมาตรฐานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง 7 มาตรฐานที่ สมอ. ได้ประกาศใช้เป็นมาตรฐานการตรวจสอบและรับรองแห่งชาติ (มตช.) หรือมาตรฐานระบบการจัดการขององค์กรที่กำหนดโดย ISO หรือองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization – ISO) เพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกนำไปใช้ลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมและภาคการบริการในประเทศ โดย สมอ. ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในการเป็นสมาชิกของ ISO ได้นำมาตรฐานดังกล่าวมาประกาศใช้ และผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ นำมาตรฐานไปใช้ เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสามารถปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ 166 ประเทศสมาชิกของ ISO ที่ได้ร่วมกันรณรงค์เนื่องในวันมาตรฐานโลกปีนี้ว่า “วิสัยทัศน์ร่วม เพื่อโลกที่ดีกว่าเดิม มาตรฐานสำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SHARED VISION FOR A BETTER WORLD STANDARDS FOR SDGs)” โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความไม่เสมอภาคในสังคม  การพัฒนาเศรษฐกิจแบบยั่งยืน และการชะลอการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยตั้งเป้าให้ทุกประเทศบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ภายในปี 2573

         ด้าน นายบรรจง  สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการกว่า 200 รายทั่วประเทศนำมาตรฐานดังกล่าวไปใช้แล้วพบว่า สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ได้กว่า 50 ล้านตัน ตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นข้อมูลจากหน่วยตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบก๊าซเรือนกระจก ที่ได้รับการรับรองจาก สมอ. จำนวน 11 ราย ได้แก่ 1) บริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด  2) สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ  3) ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  4) วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร  5) หน่วยรับรองการจัดการก๊าซเรือนกระจก มหาวิทยาลัยพะเยา  6) บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด  7) บริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  8) บริษัท อีซีอีอีจำกัด  9)  บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด  10) มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และ 11)  หน่วยวิจัยเพื่อการจัดการพลังงานและเศรษฐนิเวศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 “นอกจากนี้ สมอ. ยังได้เตรียมประกาศใช้มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางดินอีก 1 ฉบับ ได้แก่ มาตรฐานการจัดการเพื่อมุ่งสู่การฝังกลบกากอุตสาหกรรมเป็นศูนย์ ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญ คือ การวิเคราะห์การไหลของกากอุตสาหกรรม วิธีการในการลดกากอุตสาหกรรม  การคำนวณการลดกากอุตสาหกรรม  และการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับกากอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น หากสถานประกอบการนำมาตรฐานนี้ไปใช้จะสามารถลดของเสียได้ตั้งแต่ต้นทาง ทำให้กากอุตสาหกรรมที่ต้องนำไปฝังกลบเหลือน้อยที่สุด หรือไม่มีเหลือการฝังกลบกากอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ซึ่งคาดว่ามาตรฐานดังกล่าวจะประกาศใช้ภายในเดือนธันวาคม 2565 นี้” เลขาธิการ สมอ. กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

จัดระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า ให้นิสิตได้ใช้เดินทางฟรี!! ลดการพึ่งพาน้ำมัน

มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าให้นิสิตได้ใช้เดินทางฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย และลดการใช้รถจักรยานยนต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยลด PM 2.5 แถมยังช่วยประหยัดการใช้น้ำมันทุกวันตลอดทั้งปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ของ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก บรรยากาศวันเปิดเทอมเป็นไปอย่างคึกคัก มีนิสิตจากทั้งในและต่างจังหวัด ทุกชั้นปีจำนวนประมาณ 26,000 คน กลับเข้ามาเรียนออนไซต์ ภายในมหาวิทยาลัยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่นิสิตจะใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เพื่อความสะดวกในการเดินเรียน เนื่องจาก มหาวิทยาลัยมีพื้นที่กว้างพันกว่าไร่

ขณะเดียวกัน นิสิตบางส่วนเลือกใช้บริการ ระบบขนส่งมวลชนมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่จัดรถโดยสารขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ขนาด 35-40 ที่นั่ง มี 16 คัน และขนาด 11-14 ที่นั่ง มี 5 คัน รวม 21 คัน เอาไว้ให้นิสิตใช้ในการเดินทางเพื่อความประหยัด ลดค่าใช้จ่าย จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และยังเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่า นิสิตพากันออกมาใช้บริการกันตลอดเวลาและทุกเส้นทางที่โครงการขนส่งมวลชนมหาวิทยาลัยนเรศวร จัดเส้นทางเดินรถเอาไว้ ตั้งแต่ เวลา 07.00 น.ถึง 19.30 น.

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิริชัย ตันรัตนวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า โครงการขนส่งมวลชนมหาวิทยาลัยนเรศวร เริ่มมาตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ.2555 หรือประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา และนิสิตส่วนใหญ่ นิยมใช้รถจักรยานยนต์ในการขับขี่ ซึ่งค่อนข้างสิ้นเปลืองและไม่ปลอดภัย จึงอำนวยความสะดวกให้แก่นิสิต ด้วยการจัดหารถขนส่งมวลชนและปรับเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษในมหาวิทยาลัย โดยรถขนส่งมวลชน เริ่มรับนิสิตจากหอพักไปส่งยังตึกเรียนต่างๆ โดยรถจะทยอยออกวิ่งให้บริการ ทุกๆ 4 นาที รอบมหาวิทยาลัย

ด้านนิสิตที่มาใช้บริการ บอกกับผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่เลือกใช้บริการรถว่า สะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมพื้นที่ที่จะต้องเดินทางไปเรียนได้เป็นอย่างดี เพราะมีหลายเส้นทางและมีตลอดทั้งวัน และที่สำคัญช่วยประหยัดน้ำมันรถจักรยานยนต์ เนื่องจากน้ำมันเบนซินในช่วงนี้มีราคาแพงมาก

อ่านต่อ : https://ch3plus.com/news/social/morning/296981
ที่มา: ch3plus.com

ม.นเรศวร กับบริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 นางสาวนารีรัตน์ พันธุ์มณี ผู้อำนวยการกองประสาน การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมเผยแพร่ข้อเสนอแนะบทบาทและแนวทางการดำเนินงานของประเทศไทยในบริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน โดยมีคณะที่ปรึกษาโครงการ ประกอบด้วย รศ.ดร. ประพิธาริ์ ธนารักษ์ วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร และนายณัฐกิตติ์ กริตโยธิน นักวิจัย บริษัท โบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด

นำเสนอผลการศึกษาและข้อเสนอแนะของโครงการเพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบและแลกเปลี่ยนมุมมองสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและคู่เจรจาของอาเซียนต่อไป นอกจากนี้ ดร. สุริยัน วิจิตรเลขการ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง และ นางสาวนารีรัตน์ ธนะเกษม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาศักยภาพและเผยแพร่ความรู้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาเรื่อง “Climate Change Cooperation: Building a Low Carbon and Resilient Pathway Across ASEAN Region” เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินความร่วมมือกับภูมิภาคอาเซียน โอกาส และความท้าทาย

ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการพัฒนาการปล่อยคาร์บอนต่ำและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป โดยการประชุมเผยแพร่ดังกล่าวมีผู้แทนหน่วยงานจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาสังคมเข้าร่วมประมาณ 150 คน ณ ห้องบอลรูม ชั้น 7 โรงแรมเดอะแลนด์มาร์ค กรุงเทพมหานคร และผ่านระบบออนไลน์ Zoom

SGtech ขอขอบคุณสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และทุกภาคส่วนที่กรุณาเข้าร่วมงานและร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้

ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ได้เข้าติดตามผลการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาหอพักนิสิต และอาคารบริการ (อาคารขวัญเมือง) มหาวิทยาลัยนเรศวร

วันที่ 18 มีนาคม 2565 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ได้รับมอบหมายจากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกองค์การมหาชน) ได้เข้าติดตามผลการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาหอพักนิสิต และอาคารบริการ (อาคารขวัญเมือง) มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563

ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

นวัตกรรมเพื่อสังคมแอปพลิเคชั่น แคร์คุณ…ทุกเส้นทาง

แอปพลิเคชันแคร์คุณ Carekoon Mobility Platform เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมกับหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, เทศบาลนครพิษณุโลก และ ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำเสนอโดยบริษัทโซลาร์วัตต์111 จำกัด เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถนำนวัตกรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชุมชน เกิดเป็นต้นแบบโมเดลธุรกิจโลจิสติกส์ ประหยัดพลังงานและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างกลุ่มธุรกิจสินค้าบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Smart Mobility for Longevity Economy) ให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพในยุควิถีชีวิตปกติใหม่จากโรคระบาดโควิด-19

ภญ.กรรณิการ์ จรัสอุไรสิน ประธานกรรมการบริษัทโซลาร์วัตต์ 111 จำกัด และหัวหน้าโครงการแอปพลิเคชันแคร์คุณกล่าวว่า “ปัจจุบันผู้สูงอายุไทยเรามีสัดส่วนประมาณร้อยละ 16 คาดการณ์ว่าสัดส่วนจะสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งใกล้เคียงกับสังคมญี่ปุ่นในวันนี้ อีกทั้งยังพบว่าผู้สูงอายุอยู่ตามลำพัง ประสบปัญหาในการเดินทางเพื่อใช้ชีวิตประจำวัน หรือยามเจ็บป่วยต้องพบแพทย์เพื่อรับยาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงได้พัฒนาแอปพลิเคชันแคร์คุณ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางคมนาคมในยุคดิจิตอล และที่สำคัญในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด -19 ก็ยังสามารถเข้าถึงการบริการสาธารณสุขผ่านปลายนิ้วบนแคร์คุณได้ อาทิ แพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัด ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ขอขอบคุณสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร และเทศบาลนครพิษณุโลก ที่ให้การสนับสนุนทุน บุคคลากรและพื้นที่ทดสอบ จนเกิดเป็นแอปพลิเคชันแคร์คุณสำเร็จค่ะ”

ผศ.ดร. อนันต์ชัย อยู่แก้ว หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นที่ปรึกษาโครงการ  กล่าวว่า “นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว แอปพลิเคชันแคร์คุณซึ่งเป็นของคนไทย ถือว่ามาเติมเต็มในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) รองรับการขยายตัวของความเป็นเมืองภายในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอื่นๆ เพิ่มความสะดวกและทางเลือกมากยิ่งขึ้น จุดเด่นของแคร์คุณคือสามารถออกแบบตอบโจทย์การเดินทางได้หลากหลาย มีทั้งประเภทรถโดยสารส่วนบุคคล (On-demand), ประเภทรถประจำเส้นทาง(Route) และประเภทบริการวิ่งรับส่งสินค้าอาหารจากร้านค้าไปยังบ้านลูกค้าปลายทาง, สามารถประยุกต์ใช้เป็นบริการอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ให้บริการได้ เช่น รถบัสอีวีรับส่งภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร, รถเร่ขายกับข้าว, รถสำหรับผู้พิการ, Car sharing, รถนำเที่ยว,รถแพทย์ฉุกเฉินเคลื่อนที่, สามารถเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับประเทศได้”

ผศ.ดร.ดลเดช ตั้งตระการพงษ์ หัวหน้าหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม กล่าวว่า “สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)  และหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม (SID) ประจำพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร มีภารกิจช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยมีทีมงานนักวิจัย ผู้เชียวชาญ มาเป็นที่ปรึกษา พร้อมทั้งสนับสนุนทุนเพื่อนำนวัตกรรมนั้นไปต่อยอดทำธุรกิจได้ เพื่อสร้างรายได้ สร้างคุณค่าเกิดประโยชน์ให้กับชุมชน สังคมสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับโครงการแอปพลิเคชันแคร์คุณ ที่ได้บูรณาการแพลตฟอร์มเรื่องคมนาคมขนส่ง รวมเข้ากับการบริการสาธารณสุข สามารถตอบโจทย์ Pain Point ผู้สูงอายุ หรือ ผู้พิการ รวมทั้งคนทั่วไปที่มีข้อจำกัดในการเดินทางสัญจร ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อีกทั้งยังสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ รถรับจ้าง หรือร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร เวชภัณฑ์ บนแคร์คุณให้มีรายได้เพิ่มขึ้นได้”

แอปพลิเคชันแคร์คุณ ยังมีส่วนสนับสนุนระบบการขนส่งสาธารณะภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการอย่างสูงสุด โดยได้ร่วมกันพัฒนาและทดสอบการเชื่อมระบบการดูตำแหน่ง GPS ของรถไฟฟ้าประจำทาง

นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร “ต้องขอขอบคุณทางบริษัทฯ ที่ได้นำแอปพลิเคชันแคร์คุณมาสนับสนุนการให้บริการของรถไฟฟ้าประจำทาง ทำให้นิสิต รวมทั้งบุคคลากรของมหาวิทยาลัยสามารถที่จะเห็นตำแหน่งรถได้บนจอมือถือ ซึ่งช่วยบริหารเวลาในการมารอใช้บริการที่จุดรับส่ง เวลาเข้าเรียนหรือกลับหอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และจะนำข้อคิดเห็นต่างๆจากผู้ใช้งาน มาปรับปรุงพัฒนาการให้บริการร่วมกันกับแคร์คุณต่อไป”

นางสาวสิริกร ชูแก้ว ผู้อำนวยการกองการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร “โดยปกติแล้วทางมหาวิทยาลัยมีภารกิจในการนำองค์ความรู้เทคโนโลยีมาพัฒนาผู้ประกอบการซึ่งเป็นภาคเอกชน ในส่วนของแอปพลิเคชันแคร์คุณ นับได้ว่าเป็นความร่วมมือของภาคเอกชนและอาจารย์ที่ปรึกษา ในการถ่ายทอดผลงานเทคโนโลยีนวัตกรรมนั้นกลับเข้าสู่มหาวิทยาลัย เพื่อให้บุคคลากร นิสิต ได้ใช้ประโยชน์ เสมือนเป็นห้องแล็บในการแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน”

นายคมสัน เสริมดวงประทีป ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ “ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น จำเป็นต้องปรับตัวเรียนรู้เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่นเดียวกันกับแอปพลิเคชันแคร์คุณ ซึ่งผมได้มีโอกาสเข้าโครงการนำร่องและเห็นถึงโอกาสในการสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ปกติก็จะมีลูกค้าประจำ แต่แอปพลิเคชันทำให้ได้เจอลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีการบริการรับส่งอาหาร ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้เป็นการสร้างงานให้อยู่ภายในจังหวัด ไม่จำเป้นต้องไปทำงานที่อื่น”

นายจรินทร์ อินทยศ ผู้ขับขี่จากชมรมรถยนต์บริการสนามบินพิษณุโลก “เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อยลงมาก ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งแอปพลิเคชันแคร์คุณได้ถูกพัฒนามาเพื่อที่จะมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ ผู้ขับขี่ในพื้นที่ ผ่านการบริการต่างๆบนแพลตฟอร์ม ทำให้เพิ่มจำนวนผู้โดยสารในพื้นที่เรียกใช้บริการมากขึ้น ชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัดได้เป็นอย่างดี ขอเชิญชวนเพื่อนๆผู้ขับขี่ หรือผู้สนใจที่ต้องการมีรายได้เสริมมาสมัครขับบนแอปพลิเคชันแคร์คุณ”

แอปพลิเคชันแคร์คุณ นอกจากมีบริการรถรับส่งหลากหลายประเภทแล้ว ยังมีการให้บริการปรึกษาสุขภาพออนไลน์จากทีมแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักกายภาพบำบัด อาทิ หมอรู้จักคุณของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร,Health Dome บริการ Telemedicine, ร้านขายยาเคเจฟาร์มาซี, กนกคลินิกกายภาพบำบัด, คุยเรื่องสมุนไพรกับ อ.มยุรี ตั้งเกียรติกำจาย, บ้านพักฟื้นผู้สูงอายุสายใยสัมพันธ์เนอสซิ่งโฮม และแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์สายสุขภาพ Health Academy รวมทั้งร้านอาหาร บ้านฉัน 4 ภาค

ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ผู้ขับขี่ สนใจเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มแคร์คุณได้สมัครฟรีค่าธรรมเนียม 3 เดือน ติดต่อได้ที่ website: www.carekoon.com, LINE: @carekoon หรือโทรศัพท์ติดต่อเบอร์โทรศัพท์ 092-269-6914 หรือ 081-834-7702

เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อสังคมแอปพลิเคชันแคร์คุณ

แอปพลิเคชันแคร์คุณเป็นแอปพลิเคชันให้บริการยานพาหนะ (Ride-hailing service) ของคนไทยพัฒนาโดยบริษัทโซลาร์วัตต์111 จำกัด เป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ร่วมกับ หน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม ประจำพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีจุดประสงค์ให้ผู้ประกอบการนำนวัตกรรมไปพัฒนาออกแบบเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19, สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาสังคมสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการให้บริการกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ซึ่งแอปพลิเคชันแคร์คุณจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มศูนย์รวมสินค้าและบริการสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย แอปพลิเคชันแคร์คุณได้รับการสนับสนุนในการขับเคลื่อนภายใต้โครงการนำร่อง (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563) จากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ มหาวิทยาลัย และ เอกชน ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ, เทศบาลนครพิษณุโลก, ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 

ที่มา: carekoon.com

ขอเชิญเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ(ร่าง) ข้อเสนอแนะบทบาทและแนวทางการดำเนินงานของไทยในบริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน

ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ(ร่าง) ข้อเสนอแนะบทบาทและแนวทางการดำเนินงานของไทยในบริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน ในวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 11 โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร

ผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ทางคิวอาร์โค้ดด้านล่างโปสเตอร์ หรือผ่านทาง https://bit.ly/3rIQODX

ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ข้อเสนอแนะบทบาทฯ บริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน

SGtech ขอขอบคุณสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทุกภาคส่วนที่กรุณามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ ในงานประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) ข้อเสนอแนะบทบาทและแนวทางการดำเนินงานของประเทศไทย ในบริบทความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน เมื่อวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพมหานคร

ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

หน่วยรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจก SGtech เข้าร่วมรับมอบประกาศนียบัตรการรับรองระบบงานและการขึ้นทะเบียนผู้ประเมินภายนอก

วันที่ 20 เมษายน 2565 หน่วยรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจก SGtech เข้าร่วมรับมอบประกาศนียบัตรการรับรองระบบงานและการขึ้นทะเบียนผู้ประเมินภายนอก ในงานแถลงความสำเร็จการรับรองระบบงาน (Accreditation) หน่วยตรวจสอบความใช้ได้และทวนสอบก๊าซเรือนกระจก และการขึ้นทะเบียนผู้ประเมินภายนอก จากเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ต้นแบบการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 มหาวิทยาลัยนเรศวร มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 6,867 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งมาจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ซึ่งดำเนินโครงการโดย ผศ.ดร.ประพิธาริ์ ธนารักษ์ หน่วยรับรองก๊าซเรือนกระจก วิทยาลัยพลังงานทดแทนฯ และเป็นตัวแทนรับโล่เกียรติยศจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ทส. & องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ณ งาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “Climate Actions – Together”

Photo credit: TGO , Prapita Thanarak
ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin