ม.นเรศวร ร่วมกับ บพท. เปิดตัวโครงการวิจัย ‘แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จในภาคเหนือตอนล่าง’

โครงการวิจัย “การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำภาคเหนือตอนล่าง: กรณีศึกษาจังหวัดพิษณุโลก” ซึ่งจัดโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่น โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการศึกษาปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังสอดคล้องกับหลายเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 1 (การขจัดความยากจน), SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ), และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี)

1. แก้ไขปัญหาความยากจน: มุมมองจากโครงการวิจัย: การดำเนินโครงการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนากลยุทธ์การแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายหลายด้าน ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนทรัพยากร และขาดทักษะในการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่ โดยมองปัญหาความยากจนในหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การเสริมสร้างทักษะ และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, และการดูแลสุขภาพ

2. การสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน: โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ผ่านการให้ความรู้และทักษะแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือขาดโอกาสในการพัฒนาอาชีพและการศึกษา การพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำนั้น เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การออกแบบแนวทางการแก้ไขความยากจนที่มีประสิทธิภาพนี้ เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน

การพัฒนาในรูปแบบนี้จะช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการศึกษา ทักษะการประกอบอาชีพ และแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งสามารถนำไปสู่การยุติความยากจนในระดับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

3. การลดความเหลื่อมล้ำ: SDG 10: โครงการวิจัยนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกันในพื้นที่ การศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาไม่เท่าเทียม การขาดทักษะทางวิชาชีพ หรือการขาดแคลนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, การศึกษา และการมีงานทำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในชุมชน

การสร้างโอกาสในการพัฒนาโดยการให้ความรู้และทักษะ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ จะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้และทำให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและยั่งยืน

4. การเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: SDG 8: การวิจัยและผลลัพธ์จากโครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการออกแบบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับทรัพยากรท้องถิ่นและความสามารถของชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นการส่งเสริมอาชีพที่ยั่งยืนและการสร้างงานในชุมชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนท้องถิ่น แต่ยังช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงจากภายนอก และสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี ได้รับการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับทรัพยากรในพื้นที่

5. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักในภาคเหนือตอนล่าง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ หัวหน้าโครงการวิจัย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลวิจัยที่มีความแม่นยำในการออกแบบนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยระบุว่า “การใช้วิจัยในเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาความยากจนในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบมาตรการที่ตรงกับความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การทำงานร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และการนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานภาครัฐ, และภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โครงการวิจัยนี้จึงเป็นการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับบริบทท้องถิ่น ถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้าน

ม.นเรศวร ส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างโอกาสผู้ประกอบการผ่านพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการแก่ทั้งนิสิตและบุคลากร โดยมุ่งเน้นการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในด้านนี้อย่างยั่งยืน

ล่าสุด ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมกิจกรรม Knowledge Sharing ในโครงการ “การเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อเร่งการเป็นผู้ประกอบการจากสถาบันอุดมศึกษาร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรระหว่างประเทศ” ณ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) โดยได้รับเกียรติจากคุณพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์ สป.อว. กล่าวเปิดกิจกรรม พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.)

กิจกรรมในครั้งนี้ได้เน้นการแบ่งปันประสบการณ์จากนักศึกษาที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงทั้งในประเทศ (Inbound) และต่างประเทศ (Outbound) ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะในการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างโอกาสในการจ้างงานอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้การเรียนรู้ด้านการทำธุรกิจสามารถขยายและพัฒนาได้ต่อเนื่องในระดับนานาชาติ

ประชุมวิชาการ The 8th TICC Thailand International College Consortium International Conference 2024

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.สิริมาส เฮงรัศมี ผู้อำนวยการวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ศศิมา เจริญกิจ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและวิจัย ร่วมด้วยคณาจารย์และหัวหน้างานบริการวิชาการและวิจัย วิทยาลัยนานาชาติ เข้าร่วมพิธีเปิดงานประชุมวิชาการ The 8th TICC Thailand International College Consortium International Conference 2024 (8th# TICC 2024) ในหัวข้อ “Integrating Perspectives from Different Disciplines for Current and Emerging Society Needs towards Sustainable Development Goals (SDGs)”

     โดยวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมวิชาการฯ ร่วมกับเครือข่ายวิทยาลัยนานาชาติแห่งประเทศไทยจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ International College, Khon Kaen University; Faculty of International Studies, Prince of Songkla University, Phuket Campus; and Naresuan University International College. Burapha University International College; Prince of Songkla University International College, Hat Yai Campus; International College for Sustainability Studies, Srinakharinwirot University; Chiang Mai University Digital Innovation International College; and Silpakorn University International College.

     ในการนี้ Mr. Andris Adhitra อาจารย์ประจำสาขาวิชาการจัดการอีเวนต์ โรงแรม และการท่องเที่ยว วิทยาลัยนานาชาติ  B.B.A. Program in Event, Hotel and Tourism Management (EHTM)  ได้รับรางวัล “Best Paper Award” จากหัวข้อวิจัย “Visit Intention of Indonesia Tourists to Thailand in Post-Covid 19 Crisis” ภายในงานประชุมวิชาการครั้งนี้ด้วย โดยงานจัดขึ้น ณ โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา, กรุงเทพมหานคร

รับสมัคร นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ทุน กสศ. ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 ทุน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เปิดรับสมัครนักศึกษาสำหรับ หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล (PNNU) รุ่นที่ 15 สำหรับปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 ทุน โดยมอบ ทุนการศึกษาเรียนฟรี 1 ปี พร้อมทั้งมี เงินเดือนให้ระหว่างการเรียน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาล และต้องการได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความตั้งใจและผลการเรียนที่ดี

ส่งเสริม SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ

ทุนการศึกษานี้เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้าง SDG 4 หรือ การศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวรตระหนักถึงความสำคัญของการให้โอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน การให้ทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักศึกษาที่มีฐานะยากจน แต่ยังเป็นการพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำงานที่มีคุณภาพ ซึ่งจะมีผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เรียนและชุมชนในระยะยาว

สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ

ทุนการศึกษานี้ยังสอดคล้องกับ SDG 10 หรือ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยการให้โอกาสทางการศึกษากับกลุ่มนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความสามารถและตั้งใจจะเรียนรู้และพัฒนาทักษะในสาขาวิชาชีพที่มีความสำคัญต่อสังคม เช่น อาชีพผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่ขาดแคลนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุข การให้ทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา แต่ยังช่วยเสริมสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับผู้เรียน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสทางการงานที่ดีขึ้น และสามารถยกระดับชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมได้

ข้อมูลและคุณสมบัติของผู้สมัคร

ทุนการศึกษานี้เปิดรับสมัครสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีผลการเรียนดี ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของการขับเคลื่อน SDG 10 ในการลดช่องว่างทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยให้โอกาสแก่นักศึกษาที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทรัพยากรในการศึกษาต่อในระดับสูงได้มีโอกาสศึกษาต่อและพัฒนาทักษะในอาชีพผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในภาคการแพทย์และการสาธารณสุข

ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่รักในอาชีพผู้ช่วยพยาบาลและมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองในสายอาชีพนี้ โดยการเข้าศึกษาในหลักสูตรที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการการแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนมีความสามารถในการทำงานได้อย่างมีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของสังคม

การเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทุนการศึกษานี้ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างพันธมิตรที่สำคัญระหว่างมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, และหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนการศึกษาและการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมมือกับ กองทุนส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิต (กสศ.) ในการให้ทุนการศึกษานี้ ซึ่งเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยไม่แบ่งแยกทางเศรษฐกิจและสังคม

ทุนการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาอาชีพที่มีคุณภาพและยั่งยืนให้กับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความตั้งใจและพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองในสาขาอาชีพที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคม การมอบทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและสามารถพัฒนาทักษะเพื่อรองรับตลาดแรงงานที่ต้องการความสามารถในด้านการแพทย์และสาธารณสุข

โครงการนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน SDG 4 และ SDG 10 โดยให้โอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสร้างความเท่าเทียมในสังคม รวมถึงการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับผู้เรียนในอนาคต.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านทาง Line OA : https://lin.ee/e6DDQaJ หรือ Line OA: @694nsyob
ติดตามข่าวสารผ่านเพจ หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ม.นเรศวร PNNU >> https://web.facebook.com/profile.php?id=100090172741425
เข้าไปสมัครด่วนเลยจ้าหรือติดตามข้อมูลได้ที่เว๊บไซต์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ความร่วมมือกับสถาบันสุขภาพ เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในด้านการศึกษา, การวิจัย และการให้บริการแก่สังคม โดยเฉพาะในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมาย SDGs 3 (การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 17 (การเสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) การร่วมมือระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) ในงาน MED NU Health Expo 2024 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและสนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประชาชน

งาน MED NU Health Expo 2024 เป็นมหกรรมสุขภาพที่จัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี แห่งการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้หัวข้อ “Health Festival: Creating a Healthier Society” ซึ่งเน้นการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดี ผ่านการนำเสนอข้อมูลและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและการส่งเสริมการมีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน โดยงานนี้ได้มีการร่วมมือจากหลายหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงคณะเภสัชศาสตร์, สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT)

กิจกรรมที่คณะเภสัชศาสตร์จัดขึ้นในงาน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมออกบูธในงาน MED NU Health Expo 2024 โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มุ่งให้บริการแก่ประชาชนและส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและสมุนไพรอย่างถูกต้อง ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้น ได้แก่:

  1. การให้คำปรึกษาด้านยา ทีมเภสัชกรจากคณะเภสัชศาสตร์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างปลอดภัย รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรต่างๆ โดยเน้นที่การใช้สมุนไพรในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรค
  2. การให้ความรู้ด้านสมุนไพรและธาตุเจ้าเรือน ในงานมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรไทยและการใช้ธาตุเจ้าเรือน ซึ่งเป็นการนำภูมิปัญญาพื้นบ้านมาผสมผสานกับวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติในการดูแลสุขภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
  3. การเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ได้แสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน เช่น ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนายาและเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ
  4. การจัดนิทรรศการผลงานผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ได้จัดนิทรรศการที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา โดยใช้ส่วนผสมจากสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติในการดูแลผิวพรรณและสุขภาพ เช่น สบู่สมุนไพร, ครีมบำรุงผิวจากสมุนไพร, และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาจากธรรมชาติ
  5. การประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการเชิงพาณิชย์ของสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) สถานวิจัย COSNAT ของคณะเภสัชศาสตร์ได้ใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการเชิงพาณิชย์ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจในการพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ รวมถึงการให้บริการวิจัยและทดสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เพื่อรับรองคุณภาพและมาตรฐาน

การเชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การจัดงาน MED NU Health Expo 2024 โดยคณะเภสัชศาสตร์มีความสอดคล้องกับ SDGs 3 ในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างปลอดภัยและสมุนไพรในการรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน งานนี้ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากการวิจัยและพัฒนาอย่างมีมาตรฐาน

การเชื่อมโยงกับ SDGs 17: การเสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การร่วมมือกันระหว่างคณะเภสัชศาสตร์, สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน, และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) ในการจัดกิจกรรมในงาน MED NU Health Expo 2024 ยังเป็นการเสริมสร้าง SDGs 17 ในการสร้างพันธมิตรระหว่างสถาบันการศึกษา, ภาครัฐ, และภาคประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนความรู้, การเผยแพร่ผลการวิจัย, และการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเป็นการสร้างเครือข่ายที่มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดีในสังคม

คณะพยาบาลศาสตร์ ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ‘Trends in Food and Herbs for Health and Well Being’ เสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติในหัวข้อ “Trends in Food and Herbs for Health and Well Being” ภายใต้โครงการวิจัย “NU World Class: Food and Herb for Health and Beauty” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งงานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักวิจัยและผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ

การประชุมวิชาการในครั้งนี้มีการเข้าร่วมทั้งในรูปแบบ ONSITE (ที่โรงแรม Mayflower Grande Hotel พิษณุโลก) และ ONLINE ผ่านระบบ Zoom ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมจำนวน 100 คน ได้ร่วมฟังการบรรยายจากวิทยากรระดับนานาชาติและระดับชาติในหัวข้อที่หลากหลาย และเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพ การวิจัยด้านอาหารและสมุนไพร รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยการใช้สมุนไพรและอาหารที่มีประโยชน์

โครงการวิจัยนี้มีการสนับสนุนโดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) และได้รับการนำเสนอโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ โทจำปา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายในการศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ อาหารและสมุนไพร เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความงามในด้านต่าง ๆ เช่น การป้องกันโรคและการบำรุงร่างกาย

โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพ (SDG 3) และ การลดความยากจนและความไม่เท่าเทียม (SDG 2, 10) ผ่านการส่งเสริมการใช้สมุนไพรและอาหารที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในชุมชนและเพิ่มความรู้ในด้านสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย

ในระหว่างการประชุมวิชาการมีการบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ โดยวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเนื้อหาที่นำเสนอมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมสุขภาพและการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการดูแลสุขภาพ รวมถึงการปรับตัวให้เหมาะสมกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน

  1. Health Promotion: The Role of Health Professionals in Promoting Health
    โดย Prof. Dr. Kenda Crozier ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และบทบาทของนักสุขภาพในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
  2. DHA in Pregnancy
    โดย Thisara Weerasamai M.D. ซึ่งเป็นการพูดถึงบทบาทของ DHA (Docosahexaenoic acid) ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และสุขภาพของมารดา
  3. Food and Herbs for Health in Thailand
    โดย Assistant Prof. Dr. Wudtichai Wisuttlprot ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการใช้ อาหารและสมุนไพร ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ
  4. Healthcare Innovation and Health Business
    โดย Dr. Joni Haryanto ซึ่งเป็นการพูดถึง นวัตกรรมในด้านการดูแลสุขภาพ และการประยุกต์ใช้ ธุรกิจด้านสุขภาพ ในการเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
  5. Current Trends in Diabetes and Complimentary Treatment to Improve Self-Management: Asian Food and Herbs for Health
    โดย Dr. Yulis Setiya Dewi ซึ่งนำเสนอแนวโน้มปัจจุบันในเรื่องของ โรคเบาหวาน และการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการรักษาเสริมและช่วยในการจัดการโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน

การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • SDG 2: การขจัดความหิวโหย: การใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพสามารถส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งช่วยลดปัญหาความหิวโหยและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระดับประชากร
  • SDG 3: การส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี: การศึกษาและการใช้สมุนไพรและอาหารในการรักษาโรคและการเสริมสร้างสุขภาพ เป็นการสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพในระดับบุคคลและชุมชน
  • SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ: การประชุมวิชาการครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ในสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์และการแพทย์
  • SDG 11: เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน: การประชุมนี้มีส่วนช่วยในการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมการใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพที่มีความยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาเมืองและชุมชนที่มีสุขภาพดี
  • SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน: การสนับสนุนการวิจัยร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมถึงการจัดงานในระดับนานาชาติ ทำให้เกิดการร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการวิจัยและการพัฒนา

การประชุมวิชาการ International Conference 2023 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ไม่เพียงแต่แสดงถึงการสนับสนุนด้านการศึกษาและวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาองค์ความรู้ แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาควิชาการและภาคธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

การประชุมนี้ได้ช่วยเสริมสร้างความรู้ใหม่ ๆ ในการใช้ สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มีผลกระทบในทางบวกต่อทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และยังได้สร้างโอกาสในการ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการศึกษาวิจัยด้านอาหารและสมุนไพรที่มีคุณค่าทางสุขภาพในอนาคต

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงานเสวนา TWEA สัญจร “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่”

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงาน TWEA สัญจร ในหัวข้อ “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่” โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ดร. ปิยพรรณ หันนาคินทร์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยนเรศวร , กรรมการผู้จัดการบริษัท Operational Energy Group และที่ปรึกษาสมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) และ นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย นายกสมาคมวิศวกรหญิงไทย เป็นผู้ร่วมเสวนา เพื่อแนะแนวและถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานจนถึงเตรียมการวิศวกรรุ่นใหม่และนิสิตที่กำลังจะเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ซึ่งในงานนี้มีนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้าร่วมมากกว่า 300 คน ณ ห้อง 301 อาคารเอกาทศรถ ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงานเสวนา TWEA สัญจร “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่”

มหาวิทยาลัยนเรศวร มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยเฉพาะในด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) และการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 17) ซึ่งสะท้อนผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงาน TWEA สัญจร ในหัวข้อ “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะวิศวกรรมและการสร้างโอกาสให้กับผู้หญิงในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการเข้าสู่การทำงานในอุตสาหกรรมวิศวกรรมสมัยใหม่

งานนี้ได้รับเกียรติจากหลายบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในวงการวิศวกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร, ดร. ปิยพรรณ หันนาคินทร์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยนเรศวร และ นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย นายกสมาคมวิศวกรหญิงไทย ซึ่งได้ร่วมเสวนาและถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานและการพัฒนาอาชีพให้กับนิสิตและนักศึกษา โดยเฉพาะในการเตรียมความพร้อมในการทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่

การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางวิศวกรรมให้กับนิสิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) โดยการส่งเสริมให้ผู้หญิงมีบทบาทในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล (SDG 17) ผ่านการสร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น สมาคมวิศวกรหญิงไทย ที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างโอกาสและการสนับสนุนผู้หญิงในวงการวิศวกรรม

โดยในงานนี้ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายกับองค์กรต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการเติบโตทางวิศวกรรมในอนาคต งานนี้จัดขึ้นที่ห้อง 301 อาคารเอกาทศรถ ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีนิสิตเข้าร่วมมากกว่า 300 คน

การดำเนินงานเช่นนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในด้านการพัฒนาทักษะให้กับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์และการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศในอาชีพวิศวกรรม ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับสังคมและโลกใบนี้

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลวังนํ้าคู้ ให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและตรวจสุขภาพฟันฟรี

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชนจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ลงพื้นที่เพื่อให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและการตรวจสุขภาพฟันให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวน 90 ราย ซึ่งได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและฟันจากอาจารย์และนักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะ ภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ที่เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาหรือมีการสูญเสียอวัยวะ รวมถึงปัญหาสุขภาพฟันที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะ ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และ เสริมสร้างความรู้ ให้กับผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เพื่อ เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดภาระในการรักษาพยาบาลในระยะยาว โดยมีการคัดกรองและให้คำแนะนำ ดังนี้

1. การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เท้าและลุกลามจนเกิดแผลหรือการติดเชื้อจนต้องมีการตัดอวัยวะ การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าในครั้งนี้ รวมถึงการทดสอบ การตอบสนองของเส้นประสาท การตรวจหาบาดแผลและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น และการให้คำแนะนำในการ ดูแลรักษาเท้า เช่น การล้างทำความสะอาดเท้า การเลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม รวมถึงการ บริหารเท้า เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในเท้า

2. การตรวจสุขภาพฟัน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพฟันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในปาก ส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ หรือปัญหาฟันผุ การตรวจสุขภาพฟันในครั้งนี้ได้มีการตรวจสอบสภาพฟันและเหงือกของผู้ป่วย พร้อมทั้งการให้คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพฟัน เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟัน การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ

นอกจากการตรวจคัดกรองและรักษาเบื้องต้นแล้ว ทีมงานยังได้ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับ การดูแลเท้า และ การบริหารเท้า ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลเท้าของตนเองได้อย่างถูกต้องและป้องกันการเกิดแผลที่อาจลุกลามไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความรู้ในเรื่องของ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

กิจกรรมในครั้งนี้ได้ช่วย เพิ่มการตระหนักรู้ ให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานในพื้นที่เกี่ยวกับการดูแลเท้าและสุขภาพฟัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อาจขาดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ การให้ความรู้และการตรวจคัดกรองในครั้งนี้จึงมีส่วนช่วยในการ ส่งเสริมสุขภาพ และ เพิ่มคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยโรคเบาหวานในชุมชน

การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-being) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการป้องกันโรค โดยเฉพาะการดูแลโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งมีความสำคัญในการลดภาระของระบบสุขภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และเสริมทักษะการดูแลสุขภาพให้กับชุมชน ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความยั่งยืนทางด้านสุขภาพในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก 2566 เสริมสร้างความรู้และการป้องกันโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม วันเบาหวานโลก (ค่ายเบาหวาน) ประจำปี 2566 โดยกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.พญ.ศรินยา สัทธานนท์ และ พญ.แพรว สุวรรณศรีสุข อาจารย์แพทย์จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่ ห้องประชุม CC2-801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา 2 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้และการป้องกันโรคเบาหวานในสังคม รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานในทุกระดับ

กิจกรรมวันเบาหวานโลกในปี 2566 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้และการรับรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในด้านการ ป้องกันและจัดการโรคเบาหวาน เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจถึงการดูแลรักษาตนเองเมื่อมีความเสี่ยงหรือเป็นโรคเบาหวานแล้ว รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวานและการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำแนวทางในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสร้าง สุขภาพที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคน

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการ ร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับองค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคประชาชนในการสร้างความตระหนักรู้และการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพให้กับประชาชน การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้ส่งเสริมการสร้าง ความเป็นหุ้นส่วน ที่มีความสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศและระดับโลก

ภายในงานกิจกรรมวันเบาหวานโลกนี้ มีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน รวมถึงการ ตรวจคัดกรองเบาหวาน การ ให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรคเบาหวาน และการจัดการกับโรคเบาหวานในระยะยาว โดยกิจกรรมหลักในวันนั้นได้แก่:

  1. การบรรยายและการให้ความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเบาหวานและการจัดการเบาหวานที่เหมาะสม
  2. การฝึกอบรม และ การให้คำแนะนำ เรื่องการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  3. การให้คำปรึกษาด้านการดูแลเบาหวาน โดยแพทย์และพยาบาลจากคณะแพทยศาสตร์ เพื่อช่วยผู้เข้าร่วมมีข้อมูลที่ถูกต้องในการจัดการกับโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมในครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมการป้องกันโรคเบาหวาน และ การจัดการโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอัตราการเกิดโรคเบาหวานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดกิจกรรมที่สามารถให้ความรู้และข้อมูลแก่ประชาชนในด้านการดูแลตนเองและการป้องกันโรคได้ จึงมีส่วนช่วยในการ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และส่งเสริม คุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยง

การ สร้างความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยกับองค์กรต่าง ๆ ภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดกิจกรรมและสร้างความตระหนักรู้เช่นนี้ ยังเป็นการ สนับสนุน SDG 17: Partnerships for the Goals ซึ่งมุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันในทุกระดับเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin