อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ประลอง ดำรงค์ไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อติดตามการดำเนินโครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จังหวัดกาญจนบุรี จากการปนเปื้อนสารตะกั่วครั้งที่ 29 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2563 ณ สำนักงานโครงการ หมู่บ้านคลิตี้บน พร้อมเปิดเผยว่า ได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูมาแล้ว 955 วันจากระยะเวลาที่ตั้งไว้ทั้งหมด 1,000 วัน ผลสรุปปลายเดือนพฤษภาคม คืบหน้า 78.82%
โครงการฟื้นฟูลำห้วยเริ่มต้นปลายปี พ.ศ.2560 จะครบกำหนดสัญญาวันที่ 13 สิงหาคม ปีนี้ ภารกิจหลักคือดูดตะกอนปนเปื้อนหางแร่ตะกั่วจากกิจกรรมโรงแต่งแร่เมื่อยี่สิบก่อนออกจากลำห้วยเพื่อฟื้นฟูคุณภาพน้ำ ปัจจุบัน ได้ตะกอนแล้วสิ้น 5,400 ตัน จากเป้าหมาย 40,000 ตัน
“โครงการทำไม่เสร็จใน 3 ปีเพราะเป็นปัญหาสะสมมานาน บริษัทแร่ได้ทิ้งแร่ในพื้นที่กว่าหลายสิบปี จะให้แก้เสร็จเลยเป็นไปไม่ได้ ผมยืนยันว่า พวกเราทำงานอย่างโปร่งใส แต่ยอมรับว่ามีความผิดพลาดที่พร้อมแก้ไข” ประลอง กล่าว
เขาชี้ว่า โครงการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้เป็นเรื่องท้าทาย เพราะเป็นครั้งแรกของไทยที่ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมปนเปื้อนขนาดใหญ่เช่นนี้ ระหว่างปฏิบัติงาน พบกองกากแร่ตะกั่วและดินปนเปื้อนที่ตกหล่นจากการสำรวจหลายจุด เช่น ตะกอนบนบกใกล้บริเวณเหมืองแร่เดิมและใกล้พื้นที่อยู่อาศัย จึงได้ดำเนินการขุดออกแล้วกว่า 8,000 ตัน เพื่อนำไปปรับเสถียรแล้วส่งฝังกลบ
นอกจากนั้น ยังพบอุปสรรคหลายอย่างหน้างาน สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่โครงการไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกหมู่บ้านได้ ต้องชะงักการทำงานกว่าสองเดือน รวมถึงขั้นตอนขุดดินเพื่อสร้างหลุมฝังกลบตะกอนพบหินถึง 90% จากที่ประเมินไว้ 50% จึงใช้เวลานานขึ้น
ตามข้อกำหนดการดำเนินงาน (TOR) หากดำเนินการฟื้นฟูล่าช้ากว่าแผน บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับจ้างฟื้นฟูด้วยงบประมาณ 450 ล้านบาท จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 0.05% ของมูลค่าโครงการ คิดเป็น 200,000 บาทต่อวัน ทว่าด้วยเหตุไม่คาดคิดต่างๆ กรมควบคุมมลพิษในฐานะผู้ว่าจ้างจะผ่อนผันค่าปรับเพื่อช่วยเหลือ
“เราเห็นผลชัดเจนว่าความเป็นอยู่ชาวคลิตี้ดีขึ้น สัญญาณโทรศัพท์และถนนหนทางพัฒนา ที่สำคัญค่าตะกั่วเฉลี่ยในเลือดชาวคลิตี้โดยรวมมีแนวโน้มลดลงหลังจากโครงการฟื้นฟู”
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษเผยว่าจะนำเรื่องต่ออายุโครงการฟื้นฟูระยะสองเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร 24-25 มิถุนายนนี้ เพื่อขอเบิกงบจำนวน 200 ล้านบาทสำหรับดำเนินการต่อในปีพ.ศ. 2564
สุเมธ เลาคำ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการและเทคโนโลยี บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ชี้แจ้งว่า จะดำเนินการดูดตะกอนจากห้วยคลิตี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนและหยุดช่วงฤดูฝนเพราะเป็นฤดูน้ำหลากทำงานยากและอาจอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน ระหว่างนั้นจะเน้นกำจัดตะกอนบนบก สำหรับโครงการระยะสองจะเน้นเอาตะกอนขอบตลิ่งซึ่งมีค่าตะกั่วสูงออกเพื่อไม่ให้ชะลงแหล่งน้ำซ้ำรอย รวมถึงตะกอนบนดินใกล้พื้นที่อยู่อาศัย
ด้านชาวบ้านในพื้นที่ นิติพล ตันติวานิช ผู้ใหญ่บ้าน แสดงความเห็นด้วยต่อการฟื้นฟู
“ถึงต่างประเทศจะทำอะไรแบบนี้มานาน แต่มันเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เราไม่รู้ว่าแผนที่เขียนมาอันไหนผิดถูกหรือเปล่า พอปฏิบัติหน้างานแล้วค่อยรู้ปัญหา อย่างน้อยการฟื้นฟูทำให้เราเห็นเชิงปริมาณว่าตะกอนที่มีตะกั่วปนเปื้อนมันไปอยู่ในถุงแล้วถูกส่งไปฝังกลบ”
โครงการฟื้นฟูดำเนินการท่ามกลางความกังวลของสมาชิกไตรภาคีบางส่วน ชลาลัย นาสวนสุวรรณ ตัวแทนชาวบ้านคลิตี้ล่างและหนึ่งในคณะกรรมการไตรภาคี ได้ยื่นหนังสือแก่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สะท้อนข้อห่วงกังวลต่างๆ ของชาวคลิตี้ล่าง เช่น ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานฟื้นฟูลำห้วย เนื่องจากชาวบ้านคลิตี้ล่างบางส่วนที่ทำงานดูดตะกอนจากห้วยต้องแช่ในน้ำทั้งวันและขาดชุดป้องกันเหมาะสม บางรายมีอาการผื่นคัน นอกจากนี้เธอเรียกร้องให้ผู้ประกอบโครงการชี้แจ้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่การสร้างฝายดักตะกอนทับที่ทำกิน
พร้อมกันนั้น เธอได้ยื่นหนังสือข้อเสนอแนะของผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร หนึ่งในคณะกรรมธิการไตรภาคี ซึ่งเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบโครงการแสดงหลักฐานว่าได้ดำเนินงานสอดคล้องกับหลัก TOR และเปิดให้ชาวบ้านคลิตี้ล่างมีส่วนร่วมเก็บข้อมูลกระบวนการฟื้นฟูลำห้วยมากยิ่งขึ้น
ปัญหาลำห้วยคลิตี้และพื้นที่ใกล้เคียงปนเปื้อนสารตะกั่วดำเนินมานานกว่า 40 ปี เมื่อพ.ศ.2518 ชาวบ้านสังเกตพบว่าโรงแต่งแร่ บริษัทตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) ได้ปล่อยน้ำเสียและทิ้งหางแร่ที่มีสารตะกั่วในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านจึงได้ยื่นฟ้องศาล ผลพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการฟื้นฟูแทนบริษัทตะกั่วฯ ที่เพิกเฉย โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับบริษัทฯ ผู้ก่อมลพิษ ทางหน่วยงานรัฐจึงได้ว่าจ้างบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ดำเนินการฟื้นฟู
ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่าง วันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2563 ชาวบ้านคลิตี้ล่างส่วนหนึ่งได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้ตรวจสอบและระงับการฟื้นฟูที่ไม่ปฏิบัติตามหลักชั่วคราว ขณะเดียวกัน 27 เมษายน ชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่ง ได้จัดประชุมหารือและยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยต่อไป
รายงานข่าวชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรี่ย์ “สี่สิบปี คลิตี้สีขุ่น” ชวนผู้อ่านฟื้นฟูความทรงจำคดีสิ่งแวดล้อมครั้งประวัติศาสตร์ ไปพร้อมกับช่วงเวลาฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ ติดตามปัญหาการปนเปื้อนสารพิษที่ยังสืบเนื่องสู่ปัจจุบัน
ที่มา: greennews