มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับ 5 มหาวิทยาลัยจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Aichi University, Iwate University, Kanazawa University, Shinshu University, และ Soka University โดยการจัดโครงการ “2023 NU Cultural Exchange Program” ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนิสิตระยะสั้นเชิงวัฒนธรรมภาคฤดูร้อน ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม – 2 กันยายน 2566 โดยมีนิสิตจากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมจำนวน 15 คน
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ โครงการนี้มีระยะเวลา 14 วัน ซึ่งได้จัดกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมระหว่างนิสิตจากทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้าน SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทั้งในด้านการใช้ชีวิตในประเทศไทย ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬา ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่น โดยนิสิตแลกเปลี่ยนได้มีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกิจกรรมต่างๆ เช่น
- การทดลองทำอาหารไทย เช่น ส้มตำ และต้มยำกุ้ง
- การประดิษฐ์ผ้าคล้องพวงกุญแจ
- การตกแต่งกระเป๋าด้วยสีจากดอกไม้ธรรมชาติ
- การประดิษฐ์เข็มกลัดจากแผ่นเงิน
- การเรียนรู้การแต่งกายไทยและการฝึกเล่นดนตรีไทย
- การฝึกนาฏศิลป์ไทยและมวยไทย
กิจกรรมทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ทำให้นิสิตญี่ปุ่นได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยในด้านต่างๆ ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม การดำเนินชีวิต และกีฬา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้.
การต้อนรับและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 คณะนิสิตแลกเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นได้เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ ห้องสุพรรณกัลยา 3 สำนักงานอธิการบดี โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ให้เกียรติเป็นผู้กล่าวต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้กับคณะนิสิต พร้อมทั้งถ่ายรูปร่วมกันเพื่อเป็นที่ระลึกของการมาเยือนครั้งนี้.
การสร้างความร่วมมือทางวิชาการ (SDG 17): การดำเนินการจัดโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นในการส่งเสริมและสร้างเครือข่ายการศึกษาและวิจัยข้ามประเทศผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นพัฒนาทักษะทั้งด้านวิชาการและการมีปฏิสัมพันธ์กับวัฒนธรรมที่แตกต่าง. การร่วมมือกันในโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและญี่ปุ่น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งนิสิตจากสองประเทศได้รับความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน และนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการในอนาคต.
ความสำคัญของโครงการ: โครงการ “2023 NU Cultural Exchange Program” จึงถือเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับทั้ง SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางวิชาการให้กับนิสิต ยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับบุคคลจากหลายประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ในทุกมิติ.
ที่มา: กองพัฒนาภาษา และกิจการต่างประเทศ ม.นเรศวร