สัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติ SOFT POWER: THE CULTURAL DIPOMACY

การสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติด้านอารยธรรมศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2566 โดยวารสารอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน และกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการและการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) หลายประการ โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ, SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา.

การจัดสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ (SDG 4) โดยการนำเสนอหัวข้อต่างๆ ที่ครอบคลุมทั้งด้านวัฒนธรรมและศิลปะ เช่น “Process of Korean Wave Development as a Key Driver for Economic Growth” และ “Music for Healing Society” ซึ่งไม่เพียงแต่เน้นการถ่ายทอดความรู้ในเชิงทฤษฎี แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงและประสบการณ์จากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา นอกจากนี้ การสัมมนายังเปิดโอกาสให้ทั้งนักวิชาการและนิสิตของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และเสริมสร้างทักษะในการศึกษาและวิจัยจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับนานาชาติ

การจัดกิจกรรมดังกล่าวยังเสริมสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่ครอบคลุมและยั่งยืน โดยการนำเสนอตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น ความสำเร็จของคลื่นเกาหลี (Korean Wave) ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือการใช้ดนตรีเพื่อเยียวยาสังคม ซึ่งเป็นการนำเสนอประสบการณ์ที่มีคุณค่าทางการศึกษาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทของไทยและในระดับนานาชาติได้

หัวข้อ “The Transformative Potential of Small-Scale Community Events: an LGBTQIA+ Perspective” โดย Dr. Williem Coetzee จาก Western Sydney University, Australia ได้สะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการสนับสนุนการรวมกลุ่มทางสังคมที่หลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ การศึกษาด้านวัฒนธรรมและการรับรู้ในประเด็นเหล่านี้ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหลากหลายทางสังคมและส่งเสริมให้เกิดการยอมรับในความแตกต่าง โดยเฉพาะในกลุ่มที่ถูกมองข้ามหรือมีความเสี่ยงทางสังคม เช่น กลุ่ม LGBTQIA+ การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรนำเสนอโอกาสในการเรียนรู้เหล่านี้จึงเป็นการส่งเสริมการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเสมอภาค

โครงการสัมมนานี้ยังเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างนักวิชาการจากหลากหลายประเทศและสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา การมีเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ช่วยเสริมสร้างการแบ่งปันทรัพยากรทางวิชาการและสร้างโอกาสในการร่วมมือในโครงการวิจัยและกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถตอบสนองต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีส่วนในการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในระดับการศึกษาและการพัฒนาสังคมในภาพรวม

หัวข้อ “Local Food on Global Stages” โดยอาจารย์อนุวัต เชื้อเย็น จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น อาหารท้องถิ่น ที่สามารถขยายขอบเขตไปยังเวทีโลก โดยการสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวและการเผยแพร่อาหารไทยในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นการส่งเสริมอัตลักษณ์และการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างการจ้างงานในชุมชนซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 8: การงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ SDG 12: การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน

การจัดสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติในครั้งนี้สะท้อนถึงการมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และการสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยการสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในหลากหลายด้านของอารยธรรมศึกษา การร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทางวิชาการและการเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนการศึกษาระดับนานาชาติได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ จึงเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการพัฒนาทั้งในด้านการศึกษาและสังคมอย่างยั่งยืน.

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

SCI MARKET ส่งเสริมทักษะด้านวิชาชีพและการเป็นผู้ประกอบการให้กับนิสิต

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมตลาดนัดคณะวิทยาศาสตร์(SCI MARKET) เพื่อส่งเสริมทักษะด้านวิชาชีพและการเป็นผู้ประกอบการให้กับนิสิต และบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ โดยภายในงานมีการแสดง และกิจกรรมของนิสิต มีการเปิดตลาดนัดขายสินค้าต่าง ๆ ของนิสิต ศิษย์เก่า และบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์มากมาย ณ บริเวณโถงอาคารเรียนรวม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ต่อยอดสร้างอาชีพในชุมชน สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ

เมื่อวันที่ 11-12 กันยายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองส่งเสริมการบริการวิชาการ ได้จัดโครงการออกหน่วยบริการวิชาการเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU Mobile Unit) ประจำปี 2566 กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ “Eco print การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ” ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบึงพระ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางสาววรรณชลี กุลศรีไชย ตำแหน่ง หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะ เป็นวิทยากร เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ในเรียนรู้เทคนิค วิธีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติ ทำให้เกิดสีและลวดลาย เป็นการพิมพ์ผ้า ด้วยใบไม้ ดอกไม้จากธรรมชาติ ถ่ายโอนสีและโครงสร้างจากใบไม้สู่ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ Eco print

ที่มา: กองส่งเสริมการบริการวิชาการ ม.นเรศวร

ม.นเรศวร พัฒนามัคคุเทศก์ท้องถิ่นให้เป็นมืออาชีพ

มื่อวันที่ 9-10 กันยายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองส่งเสริมการบริการวิชาการ ได้จัดโครงการออกหน่วยบริการวิชาการเคลื่อนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU Mobile Unit) ประจำปี 2566 กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนามัคคุเทศก์ท้องถิ่นให้เป็นมืออาชีพ” ณ โรงเรียนนาบัววิทยา อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลกโดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล ตำแหน่ง อาจารย์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะ เป็นวิทยากร เพื่อสร้างความรู้ความสามารถในการนำเที่ยวอย่างแท้จริง มีการปฏิบัติงานที่มีเป็นมาตราฐานในทุก ๆ ด้าน มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ซื่อสัตย์ สามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์จะช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างเหมาะสม

ที่มา: กองส่งเสริมการบริการวิชาการ ม.นเรศวร

ม.นเรศวร ยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนขนาดย่อมและขนาดกลางจากทรัพยากรเชิงวัฒนธรรมสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดอบรมพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าในโครงการยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจชุมชนขนาดย่อมและขนาดกลางจากทรัพยากรเชิงวัฒนธรรมสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการผลิตกระเป๋าแฮนด์เมด โดยนางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม เป็นวิทยากรในการฝึกอบรมพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษผ้า เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ้า และพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ตลอดจนเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค ณ ตำบลจอมทอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร กระชับความร่วมมือทางวิชาการ 5 มหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการกับ 5 มหาวิทยาลัยจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Aichi University, Iwate University, Kanazawa University, Shinshu University, และ Soka University โดยการจัดโครงการ “2023 NU Cultural Exchange Program” ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนนิสิตระยะสั้นเชิงวัฒนธรรมภาคฤดูร้อน ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม – 2 กันยายน 2566 โดยมีนิสิตจากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมจำนวน 15 คน

กิจกรรมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ โครงการนี้มีระยะเวลา 14 วัน ซึ่งได้จัดกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมระหว่างนิสิตจากทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในด้าน SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทั้งในด้านการใช้ชีวิตในประเทศไทย ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬา ที่มีเอกลักษณ์และความแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่น โดยนิสิตแลกเปลี่ยนได้มีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกิจกรรมต่างๆ เช่น

  • การทดลองทำอาหารไทย เช่น ส้มตำ และต้มยำกุ้ง
  • การประดิษฐ์ผ้าคล้องพวงกุญแจ
  • การตกแต่งกระเป๋าด้วยสีจากดอกไม้ธรรมชาติ
  • การประดิษฐ์เข็มกลัดจากแผ่นเงิน
  • การเรียนรู้การแต่งกายไทยและการฝึกเล่นดนตรีไทย
  • การฝึกนาฏศิลป์ไทยและมวยไทย

กิจกรรมทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ทำให้นิสิตญี่ปุ่นได้สัมผัสถึงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยในด้านต่างๆ ทั้งในแง่ของวัฒนธรรม การดำเนินชีวิต และกีฬา ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้.

การต้อนรับและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 คณะนิสิตแลกเปลี่ยนชาวญี่ปุ่นได้เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ ห้องสุพรรณกัลยา 3 สำนักงานอธิการบดี โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ให้เกียรติเป็นผู้กล่าวต้อนรับและมอบของที่ระลึกให้กับคณะนิสิต พร้อมทั้งถ่ายรูปร่วมกันเพื่อเป็นที่ระลึกของการมาเยือนครั้งนี้.

การสร้างความร่วมมือทางวิชาการ (SDG 17): การดำเนินการจัดโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นในการส่งเสริมและสร้างเครือข่ายการศึกษาและวิจัยข้ามประเทศผ่านกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นพัฒนาทักษะทั้งด้านวิชาการและการมีปฏิสัมพันธ์กับวัฒนธรรมที่แตกต่าง. การร่วมมือกันในโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและญี่ปุ่น แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งนิสิตจากสองประเทศได้รับความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน และนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการในอนาคต.

ความสำคัญของโครงการ: โครงการ “2023 NU Cultural Exchange Program” จึงถือเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับทั้ง SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางวิชาการให้กับนิสิต ยังเป็นการสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับบุคคลจากหลายประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ในทุกมิติ.

ที่มา: กองพัฒนาภาษา และกิจการต่างประเทศ ม.นเรศวร

กิจกรรมให้ความรู้ “แนะนำอาหารตามวัย”

อีกหัวข้อในโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพในเด็ก ที่จัดขึ้น ณ คลินิกกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผศ.พญ.ทิพยกาญจน์ มะโนประเสริฐกุล, ผศ.พญ.ศรัญญา ศรีจันท์ทองศิริ และพญ.จิตติมา มนต์วิรัตน์กุล เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาและความรู้ต่างๆ

ที่มา: ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ Samart Skills (Google Career Certificate)

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 รศ.ดร.พนัส นัถฤทธิ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ผู้แทนมหาวิทยาลัยนเรศวร และ ดร.ศุภธิดา พรหมพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดิ เอสเคิร์ฟ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อการพัฒนานิสิตและบุคลากร โดยมีการจัดโครงการ Samart Skills (Google Career Certificate) ระยะที่ 2 จำนวน 9 หลักสูตร ภายใต้พันธกิจ Leave No Thai Behind เปิดโอกาสให้นิสิต อาจารย์ และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน สร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง และสร้าง Digital TaIent ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าเรียนระบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Coursera และจะได้รับใบประกาศนียบัตรเมื่อเสร็จสิ้นการเรียน สามารถนำไปใช้ในการสมัครงานกับพันธมิตรภาคเอกชนของโครงการที่ให้การยอมรับคุณวุฒินี้ ณ สำนักงาน Google (ประเทศไทย)

👉ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มอบหมายให้ CITCOMS เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ Samart Skills (Google Career Certificate) ระยะที่ 2 โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ได้ที่ https://training.nu.ac.th/samartskills หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณจินตนา ชัยรัตนศักดิ์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5596-1510 หรือ e-Mail : citcoms_training@nu.ac.th

ที่มา: กองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมประชุมเสริมความเข้าใจกรอบแนวทางขับเคลื่อน SDG 4 เพื่อการศึกษาอย่างยั่งยืนในจังหวัดพิษณุโลก

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะที่เป็นคณะทำงานขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จังหวัดพิษณุโลก ได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจกรอบแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG 4) ซึ่งจัดโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก โดยมี ผศ.ดร.จรูญ สารินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี และนายธนวุฒิ พูลเขตนคร จากงานพัฒนาเพื่อความเป็นเลิศ กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมนเรศวร โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน SDGs 4 ซึ่งมุ่งเน้นการให้การศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดพิษณุโลกเพื่อพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืนในพื้นที่ การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ได้จัดขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางและกรอบการดำเนินงานในการบรรลุเป้าหมาย SDGs 4 ในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในจังหวัดพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการสร้างแนวทางและกลยุทธ์การขับเคลื่อน SDGs 4 ที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของพื้นที่ ด้วยการมุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในทุกระดับ โดยการใช้ทรัพยากรทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ เพื่อช่วยยกระดับการศึกษาของนักเรียนและครูในจังหวัดพิษณุโลกผ่านการพัฒนาหลักสูตร การอบรม และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ การประชุมนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการรวมตัวของหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และสนับสนุนการพัฒนาระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นธรรม

การเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG 4) แต่ยังเป็นการส่งเสริมการสร้างความร่วมมือในระดับจังหวัดเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการร่วมมือและดำเนินการตามเป้าหมาย SDGs อย่างมีประสิทธิภาพ.

ภาพกิจกรรมโดย: สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก

มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส

การจัดกิจกรรมในวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 โดยคณะพยาบาลศาสตร์ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภายใต้โครงการ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” สอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุน SDGs (Sustainable Development Goals) หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ, SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ, และ SDG 8: การงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ.

โครงการ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” เป็นการสร้างโอกาสในการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 4 ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียม การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆ เช่น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก, วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก, มหาวิทยาลัยนเรศวร, และสถาบันการศึกษาชั้นนำอื่นๆ ทำให้ผู้เรียนที่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกันมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเสมอภาคและการลดช่องว่างทางการศึกษา (SDG 10).

กิจกรรมในโครงการนี้ไม่เพียงแต่เน้นการเรียนรู้ทางวิชาการ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต โดยการจัดกิจกรรมที่เน้นการเตรียมตัวเข้าสู่โลกของการทำงาน นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงได้รับการแนะนำจากผู้บริหารจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.), รุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาและมีงานทำแล้ว รวมถึงการได้พบปะกับนายจ้างและสถานประกอบการที่ให้คำแนะนำในด้านทักษะการทำงาน ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ และสายอาชีพชั้นสูงอื่นๆ ที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน การศึกษาสายอาชีพนี้ช่วยสร้างโอกาสให้กับเยาวชนในการทำงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8).

การจัดตั้งโครงการ ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โดยคัดเลือกสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาให้พร้อมรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในยุค Thailand 4.0 การลงทุนในโครงการศึกษาสายอาชีพที่มุ่งเน้นการพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการของตลาด จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายในการสร้างโครงสร้างการศึกษาที่พร้อมตอบสนองความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต.

การที่คณะพยาบาลศาสตร์จัดกิจกรรมร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษา โดยการเข้าร่วมกิจกรรมปลุกพลังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่ประสบความสำเร็จจากรุ่นพี่และผู้เชี่ยวชาญในสายงาน อาทิ การได้พบกับผู้บริหารจากกองทุนฯ, นายจ้าง และสถานประกอบการที่มอบคำแนะนำในการพัฒนาตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถพัฒนาทักษะและสร้างเครือข่ายที่สำคัญในโลกของการทำงาน ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและส่งเสริมการพัฒนาตนเองของเยาวชนที่ด้อยโอกาส (SDG 10).

การจัดกิจกรรมนี้ยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาหลายแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างนักศึกษาและครู/อาจารย์จากสถาบันต่างๆ ที่เข้าร่วม ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับชาติและระดับสากล (SDG 17). การสร้างเครือข่ายและการร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและสนับสนุนการพัฒนาความรู้ในเชิงลึกในทุกภาคส่วน.

ที่มา: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin