ม.นเรศวร จับมือเครือข่ายเร่งบ่มเพาะพัฒนาผู้ประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่สากล

วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) ปีนี้ รวมจำนวน 7 หน่วยงาน หวังเร่งบ่มเพาะ ยกระดับ พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนวิจัยพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 ทางกองทุนฯ ได้จัดตั้งเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) เพิ่มเติมเฉพาะภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมจำนวน 7 หน่วยงาน ได้แก่
1. คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKBS)
2. ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี(UdonUBI)
3. ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (NRRU UBI)
4. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม (Eng NPU)
5. สำนักการจัดการนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (RUTS IMTT)
6. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี(RDI SRU)
7. สถาบันวิจัยและนวัตกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(FIRIn PSU)

เพื่อเพิ่มกำลังในการคัดสรร บ่มเพาะ เร่งยกระดับพัฒนาผู้ประกอบการไทย พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุน นำไปต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์ต่อไป จากเดิมได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ไปแล้ว 52 หน่วยงาน และได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ และผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกพื้นที่ได้เข้าถึงแหล่งทุนและสามารถใช้บริการเครือข่ายฯ ได้อย่างทั่วถึง โดยเน้นการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ให้เป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไป

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ลงนามความร่วมมือทางวิชาการด้านพลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ และ SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน

ล่าสุด มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทน อธิการบดี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท พีเอสเอส อมาเรนโค จำกัด ในด้านเทคโนโลยีโรงเรือนเพาะปลูกพลังงานแสงอาทิตย์และการจัดการพลังงานสะอาด ความร่วมมือครั้งนี้จะส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมนำผลลัพธ์ไปปรับใช้ในธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนามหาวิทยาลัย

โครงการดังกล่าวยังจะต่อยอดสู่การปรับปรุงอาคารภายในมหาวิทยาลัยให้กลายเป็น “Smart Building” ที่มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบตรวจวัดการใช้พลังงานอัตโนมัติและระบบจัดการแสงสว่างอัจฉริยะในอนาคต

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางของการวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายระดับโลกในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือภาคเอกชนส่งเสริมความร่วมมือการพัฒนานิสิตในการเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ

วันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. คณะวิทยากรจาก Nexter Incubator บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กองกิจการนิสิตและอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยรองอธิการ ดร.จรัสดาว คงเมือง

รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม และคณะผู้บริหารจากอุทยานวิทยาศาสตร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร และดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าพบอธิการบดี เพื่อหารือความร่วมมือการพัฒนานิสิตในการเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ นอกจากนั้นยังหารือโอกาสในการจัดกิจกรรมร่วมกันทั้งภาควิชาการ การวิจัย ตลอดจนการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

4 มหาวิทยาลัยร่วมพลิกโฉมสร้างเครือข่ายเพื่อการวิจัย ขับเคลื่อนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

วันที่ 27-28 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพมหานคร, ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และ ดร.ยุทธพงษ์ ทองพบ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการภายใต้หัวข้อ “พลิกโฉมมหาวิทยาลัย แพลตฟอร์มวิจัยเครือข่าย” (Reinventing University by Research Network Platform) โดยมีการร่วมมือจากสถาบันการศึกษาหลักในประเทศไทย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยพะเยา และ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ความท้าทายของชุมชน สังคม และประเทศชาติ โดยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเหล่านี้.

การประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน SDGs 9: อุตสาหกรรม, นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน และ SDGs 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีการสร้างแพลตฟอร์มวิจัยที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัยและองค์กรภายนอก เพื่อเสริมสร้างการพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในระดับพื้นที่และระดับนานาชาติ.

ความร่วมมือและวิจัยในประเด็นสำคัญ ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดีด้านการวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยถึงการร่วมมือของมหาวิทยาลัยในเครือข่ายนี้ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องการเปิดพื้นที่ให้กับนักวิจัยจากทั้ง 4 มหาวิทยาลัย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสำคัญในภูมิภาคและประเทศ โดยมุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม. แพลตฟอร์มวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและภาคีพันธมิตร เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนในชุมชนและสังคม ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ.

ความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวร ศ.ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึงการวิจัยที่มหาวิทยาลัยนเรศวรเริ่มต้นในครั้งนี้ โดยเน้นที่ประเด็น University-Urban Design and Development หรือเมืองมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาเมืองที่เชื่อมโยงกับการศึกษาภายในมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งชุมชนและสังคมในด้านการพัฒนาเมืองและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. งานวิจัยในประเด็นนี้คาดว่าจะขยายผลไปสู่การวิจัยในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายความร่วมมือทางวิจัยในอนาคต.

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การประชุมครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้าง เครือข่ายงานวิจัย ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศ และเชื่อมโยงกับ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีและงานวิจัยที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชน สังคม และการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน. เครือข่ายความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลการวิจัยที่มีผลกระทบต่อสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.

การสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่มีความยั่งยืน โดยการเชื่อมโยงงานวิจัยและการพัฒนาพื้นที่ร่วมกับพันธมิตรจากภาคส่วนต่าง ๆ. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ รวมถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระดับประเทศและภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม.

กิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยและการเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาและองค์กรอื่น ๆ เพื่อผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม SDGs 9 และ SDGs 17, โดยการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและเสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต.

ภาพ/ข่าว: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยพะเยา

ม.นเรศวร ส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียน ศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและลดก๊าซเรือนกระจกที่เกาหลีใต้

วันที่ 26-29 มิถุนายน 2566 รศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมาร์ทกริดและแนวทางการสนับสนุนการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDG 7: พลังงานสะอาดและราคาไม่แพง, SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา)

ในระหว่างการศึกษาดูงาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมถึงการประชุมและการเยี่ยมชมสถานประกอบการชั้นนำของเกาหลีใต้ในด้านพลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้:

  1. การประชุมกับหน่วยงาน Overseas Emissions Reduction Team, Ministry of Trade, Industry & Energy การประชุมในครั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในต่างประเทศ โดยเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้พลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
  2. การประชุมร่วมกับคณะผู้บริหาร บริษัท SK E&S และ SK on บริษัท SK E&S และ SK on เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี Energy Storage System (ESS) ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี ESS และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน
  3. การเยี่ยมชมบริษัท Busan Jungkwan Energy บริษัทนี้ดำเนินธุรกิจในด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่จุงกวาง (Jungkwan) เมืองปูซาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ Distributed Energy Resources (DERs) ที่ใช้เทคโนโลยีเช่น Advanced Distribution Management System (ADMS), Virtual Power Plant (VPP), และ Energy Storage System (ESS) ซึ่งเป็นตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การประชุมกับผู้บริหารบริษัท POSCO DX บริษัท POSCO DX เป็น DR Operator ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Operation) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการความต้องการพลังงานในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงาน
  5. การเยี่ยมชมบริษัท EIPGRID บริษัท EIPGRID เป็นผู้นำในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการพลังงานในรูปแบบ Energy as a Service (EaaS) โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) และบริหารจัดการ VPP Platform ซึ่งเป็นการจัดการพลังงานในรูปแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน

การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมแนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับอาเซียนและระดับโลก

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ APISA2023 ส่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและสันติภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างต่อเนื่อง ผ่านการร่วมมือทางวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้าน SDG 16: สันติภาพ, ความยุติธรรม และสถาบันที่มีความเข้มแข็ง และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่สำคัญ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2566 คณาจารย์จาก คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The Asian Political and International Studies Association (APISA) : APISA 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “Annual Congress Towards New Modalities of Governance in Asia: E-democracy, Civil Society, and Human-Centred Policymaking” ที่จัดขึ้น ณ Merdeka Tower Business Center (MTBC), Warmadewa College, บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานครั้งนี้

การประชุมวิชาการระดับนานาชาติและการนำเสนอผลงาน: การประชุม APISA 2023 มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในเรื่อง E-democracy (การปกครองโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล), Civil Society (สังคมพลเมือง), และ Human-Centred Policymaking (การวางนโยบายที่มุ่งเน้นคนเป็นศูนย์กลาง) ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมทั้งในด้านการนำเสนอผลงานวิจัยและการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย

การประชุมครั้งนี้ได้มีการเสนอแนวคิดและทิศทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาโมเดลการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล โดยมีการเน้นถึงความสำคัญของ การปกครองที่โปร่งใส, การมีส่วนร่วมของพลเมือง, และการพัฒนานโยบายที่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรม

ความสำคัญของการร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ (SDG 17): การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างการศึกษาและวิจัยที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในระดับโลกในครั้งนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คณาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและการปกครองในประเทศ

การขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล: การมีส่วนร่วมในการประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน SDG 16 ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติภาพและความยุติธรรมผ่านการศึกษาและวิจัย และ SDG 17 ที่มุ่งสร้างความร่วมมือข้ามชาติในด้านการศึกษาและการวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินงานภายใต้กรอบแนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ร่วมกัน และการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อสร้างการพัฒนาในด้านการศึกษาและการวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการเมืองและการปกครอง รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง.

การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการร่วมมือในงานวิจัยและการศึกษา: การเข้าร่วมงานประชุมวิชาการครั้งนี้จึงถือเป็นการสื่อสารถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแนวคิดการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล และมีการคำนึงถึงความเป็นธรรมและความยุติธรรมสำหรับทุกคน.

ที่มา: คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร กับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามความร่วมมือทางวิชาการเพื่อสร้างงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงต่อสังคม

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ศาสตราจารย์ ดร. กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ดร.ยุทธพงษ์ ทองพบ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ดร.จารุวรรณ แดงบุบผา ผู้ช่วยอธิการบดีด้านกิจการนิสิต และผู้อำนวยการสถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านการจัดการการท่องเที่ยว คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล รองอธิการบดีด้านการติดตามและประเมินผลยุทธศาสตร์แผน การงบประมาณ และสุขภาวะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รองศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานแผนงาน C2F จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ผู้ช่วยคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และรองผู้อำนวยการ หน่วยปฏิบัติการวิจัยด้านการออกแบบเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมคณะ

โดยได้รับเกียรติจาก นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นางปริษา ปานพรหม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิษณุโลก นางสาวนิภาวรรณ กาญจนพิทักษ์ วัฒนธรรมจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยทีมบริหาร คณาจารย์ นักวิจัย และบุคลากรของทั้งสองสถาบัน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เรื่องความร่วมมือในการสร้างงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงต่อสังคม ระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร กับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนและสนับสนุนด้านการวิจัยและวิชาการ การผลิตผลงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงต่อสังคม ซึ่งมีขอบเขตความร่วมมือ ประกอบด้วย

1. ร่วมกันส่งเสริม และสนับสนุนการดำเนินการให้เกิดความร่วมมืองานวิจัยและวิชาการ มุ่งพัฒนาศักยภาพของชุมชน สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยให้มีผลกระทบสูงต่อสังคม

2. ร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ด้านการวิจัยและด้านวิชาการ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการวิจัย และด้านการส่งเสริมกิจกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่

พร้อมกันนี้ ได้จัดให้มีการเสวนาวิชาการ ในหัวข้อ “ความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับเมืองเพื่อการรับมือความท้าทายใหม่” ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยาย 4 ท่าน จาก 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ Kyushu University, Japan / Kainan University, Taiwan / จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ณ ห้องประชุมเทาแสด ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก

ที่มา: กองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนให้กับนิสิต

วันที่ 10 พฤษภาคม 2556 ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม พร้อมด้วย รศ.ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และนางจิระประภา ศรีปัตตา ผู้อำนวยการกองพัฒนาคุณภาพการศึกษา ร่วมประชุมหารือแนวทางการจัดกิจกรรมด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและสร้างการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนให้กับนิสิต โดยมีตัวแทนจาก 3 หน่วยงานร่วมประชุม คือ งานประชาสัมพันธ์ กองกลาง, กองกิจการนิสิต และกองพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยร่วมประชุม ณ ห้อง Main Conference อาคารบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร

โดยกิจกรรมด้านการส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมด้านความยั่งยืนให้กับนิสิต จะเป็นการสอดแทรกกิจกรรมโดยเน้นการสร้างการรับรู้ การสร้างความตระหนัก ด้านการเป็นพลเมืองโลก มีจิตสำนึกความรับผิดชอบและการมรส่วนร่วม ซึ่งจะมีการจัดการอบรมให้ความรู้ การประกวดการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ การนำขยะมาสร้างมูลค่าผ่านกิจกรรมการประกวดชุดแฟนซี การสร้างมูลค่าจากสินค้าที่ทำมาจากขยะรีไซเคิล รวมถึงการจัดการประกวดสื่อด้านความยั่งยืน และการจัดนิทรรศการด้านขยะ เป็นต้น

ที่มา: กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร

มน. ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) แนวทางบูรณาการแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.)”

สืบเนื่องจากการที่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) แนวทางบูรณาการแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.)” เชิงพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเชิงพื้นที่ โดยมุ่งเน้นนำองค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัย และผลผลิตที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพลิกโฉมประเทศ ในการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน อันจะเป็นทางเลือก และทางรอดสำหรับอนาคต

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก จึงได้ร่วมทำการหารือกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อร่วมหาแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ โดยใช้งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมเป็นแหล่งข้อมูลองค์ความรู้ วิชาการ วิจัยและนวัตกรรม และสนับสนุนทรัพยากรบุคคลทางด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ แก้ไข ปัญหาในพื้นที่ และจะร่วมพัฒนาความร่วมมือกับจังหวัดพิษณุโลกในลำดับถัดไป

ที่มา: กองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมผนึกกำลังพัฒนาแผนเศรษฐกิจภูมิภาค ต่อยอดความร่วมมือภาคเอกชน สู่อนาคตที่ยั่งยืน พ.ศ. 2566-2570

ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) นำทีมโดย ดร.สราวุธ สัตยากวี รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจาก 3 สถาบัน (กกร.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน สถาบัน (กกร.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ครั้งที่ 1/2566 เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นและวางแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2570

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมแกรนด์วิษณุ จังหวัดนครสวรรค์ โดยอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับมอบหมายให้ดำเนินการวิเคราะห์และจัดทำ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 – 2570 ระยะที่ 2” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์สำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาค พร้อมทั้งเชื่อมโยงภารกิจของภาคเอกชนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างนี้เป็นการเน้นการใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนนี้มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาค ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับชุมชนท้องถิ่น การใช้ศักยภาพของภาคเอกชนในการสร้างการเติบโตในระยะยาวจะช่วยลดอัตราความยากจนและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคจึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสการจ้างงาน การเสริมสร้างอาชีพ และการพัฒนาทักษะของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม

การประชุมครั้งนี้มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนการลงทุนใน เทคโนโลยี และ นวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค การพัฒนานวัตกรรมในภาคธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการในท้องถิ่น เช่น การเกษตรกรรม การผลิตสินค้า OTOP และการท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับชุมชน

การสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้การผลิตสินค้าหรือบริการมีความยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืน หรือการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นการสนับสนุน SDG 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคจะเป็นการสร้างฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว

อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) ได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากหลายคณะของมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและวางแนวทางการพัฒนาแผนเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะในระดับท้องถิ่น โดยการนำองค์ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยมาสนับสนุนการพัฒนาชุมชน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจ แต่ยังเสริมสร้าง SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาทักษะของบุคลากรในพื้นที่ให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานได้มากขึ้น และช่วยเสริมสร้างโอกาสในการเติบโตในอาชีพต่าง ๆ

การเสริมทักษะการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น การตลาด การใช้เทคโนโลยี และการบริหารจัดการธุรกิจ จะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงการพัฒนาและโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

แผนพัฒนาเศรษฐกิจนี้ยังมุ่งเน้นการสร้าง การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8) โดยการเสริมสร้างโอกาสในการสร้างงานในพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาค เช่น การท่องเที่ยว การเกษตรกรรม การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง จะช่วยเพิ่มการจ้างงานและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีให้กับประชาชนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างนี้ จะช่วยให้ประชาชนสามารถมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งจะช่วยลดความยากจนและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในภูมิภาค

การประชุมและการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจนี้ยังเป็นการส่งเสริม SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, ภาครัฐ, ภาคเอกชน, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีการบูรณาการความรู้และทรัพยากรจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค การสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยให้การพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin