คณะผู้บริหารร่วมรับฟังปัญหาและความต้องการสิ่งสนับสนุนการเรียนของนิสิตพิการ

วันที่ 13 กันยายน 2567 ศูนย์บริการนิสิตพิการมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้นำนิสิตพิการ ในปีการศึกษา 2567 จำนวน 14 คน เข้าพบ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อกล่าวให้โอวาทสร้างขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตระหว่างเรียนในมหาวิทยาลัย โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และคณะผู้บริหารต่างๆ ร่วมรับฟังปัญหาและความต้องการสิ่งสนับสนุนการเรียนของนิสิตที่ต้องศึกษาในตลอด 4 ปี ณ ห้องประชุมเสลา 102 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

ภาพจาก: กองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ดำเนินโครงการทันตกรรมพระราชทานฯ ให้บริการผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน SDGs 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 10 (การลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งมุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้คนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เช่น การให้บริการทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มักจะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

โครงการบริการทันตกรรมพระราชทานฯ ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมกันคือ การให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง โดยผ่าน หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้ออกให้บริการทันตกรรมใน เรือนจำกลางพิษณุโลก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กับกลุ่มคนที่อาจขาดโอกาสในการรับการรักษา

ในกิจกรรมนี้ มีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมทั้งหมด 498 ราย โดยการรักษามีหลากหลายประเภท เช่น การถอนฟัน, การผ่าฟันคุด, การตัดไหม, การแต่งกระดูก และการตัดก้อน Fibroma ซึ่งเป็นการให้บริการทันตกรรมที่ครบวงจรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปรับปรุงสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ

รายละเอียดการรักษาและผลตอบรับจากผู้ต้องขัง การให้บริการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากปัญหาฟันและเหงือกของผู้ต้องขัง แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ต้องขังหลายคนได้แสดงความต้องการให้มีการจัดบริการทางทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมในสถานที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา

การรักษาทางทันตกรรมที่ให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาความเจ็บปวดจากฟันผุและฟันคุดที่ผู้ต้องขังต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่สามารถรับการรักษาอย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเดินทางไปรับบริการที่อื่น

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะการให้บริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันในทุกๆ ชุมชน รวมถึงผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะถูกมองข้ามในแง่ของการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ที่มุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคในสังคมและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้ต้องขังในเรือนจำ การให้บริการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้เป็นการเสริมสร้างความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบในระยะยาวและความสำคัญของโครงการ การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ต้องขัง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว เมื่อผู้ต้องขังได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายในภาพรวม

การให้บริการทันตกรรมในเรือนจำยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการที่มีคุณภาพยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ต้องขัง โดยการดูแลที่ดีช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสร้างความยั่งยืนในชุมชน โครงการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการใช้ความรู้และทรัพยากรที่มีในการสร้างผลกระทบทางบวกในสังคม โดยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นไปตามหลักการของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มประชากร แม้แต่ผู้ต้องขังที่อาจขาดโอกาสในการรับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การดำเนินโครงการนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ, และภาคสังคมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในชุมชน โดยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และจะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมใส่ฟันเทียมฟรี! บริการประชาชนพื้นที่ห่างไกล เชียงราย เพิ่มคุณภาพชีวิตและความมั่นใจ

วันที่ 2-4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมให้บริการใส่ฟันเทียมทั้งปากฟรีแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้รับบริการรวมทั้งหมด 35 ราย ณ โรงพยาบาลพาน การให้บริการในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาการสูญเสียฟันอย่างรุนแรง จนกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การพูดคุย หรือการแสดงออกทางอารมณ์ ทำให้ขาดความมั่นใจในตนเอง

การดำเนินการในโครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (SDG 3) และ การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม (SDG 10) ซึ่งการให้บริการฟันเทียมนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพปากและฟันที่ดีขึ้น แต่ยังส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

ร่วมกันสร้างรอยยิ้มแห่งความสุข กิจกรรมนี้ยังเป็นการสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับผู้รับบริการ โดยที่ประชาชนที่ได้รับการใส่ฟันเทียมสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทันตกรรมที่มีคุณภาพ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรม

สำหรับประชาชนที่มีปัญหาการขาดฟันและต้องการขอรับบริการใส่ฟันเทียม สามารถประสานงานไปยังหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีทีมทันตแพทย์จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมให้การช่วยเหลือในการรักษา สามารถติดต่อได้ผ่านเว็บไซต์ www.dent.nu.ac.th หรือทางทีมหน่วยใส่ฟันเทียมพระราชทาน

การให้บริการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้รับบริการ แต่ยังสะท้อนถึงการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ขาดแคลนบริการด้านทันตกรรม

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร เสริมสร้างทัศนคติการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าของนิสิตพิการ

สิ้นสุดไปแล้วกับกิจกรรมทั้ง 2 วัน กับ โครงการอบรมเสริมสร้างทัศนคติ การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าของนิสิตพิการมหาวิทยาลัยนเรศวร (DSS NU for Friends) ระหว่างวันที่ 23-24 มีนาคม 2567 ณ บ้านหมอรีสอร์ท จ.สุโขทัย

ขอขอบพระคุณวิทยากร เจ้าหน้าที่ทุกท่านในการช่วยกันดำเนินโครงการจนสำเร็จล่วงไปได้ด้วยดี และที่สำคัญขอขอบคุณนิสิตศูนย์บริการนิสิตพิการทุกคนที่ให้ความร่วมมือจนเสร็จสิ้นกิจกรรมในครั้งนี้ หวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกคน แล้วพบกันใหม่ในโครงการต่อไปของศูนย์บริการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร DSS NU

ม.นเรศวร ร่วมกับ บพท. เปิดตัวโครงการวิจัย ‘แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จในภาคเหนือตอนล่าง’

โครงการวิจัย “การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำภาคเหนือตอนล่าง: กรณีศึกษาจังหวัดพิษณุโลก” ซึ่งจัดโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่น โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการศึกษาปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังสอดคล้องกับหลายเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 1 (การขจัดความยากจน), SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ), และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี)

1. แก้ไขปัญหาความยากจน: มุมมองจากโครงการวิจัย: การดำเนินโครงการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนากลยุทธ์การแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายหลายด้าน ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนทรัพยากร และขาดทักษะในการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่ โดยมองปัญหาความยากจนในหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การเสริมสร้างทักษะ และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, และการดูแลสุขภาพ

2. การสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน: โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ผ่านการให้ความรู้และทักษะแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือขาดโอกาสในการพัฒนาอาชีพและการศึกษา การพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำนั้น เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การออกแบบแนวทางการแก้ไขความยากจนที่มีประสิทธิภาพนี้ เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน

การพัฒนาในรูปแบบนี้จะช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการศึกษา ทักษะการประกอบอาชีพ และแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งสามารถนำไปสู่การยุติความยากจนในระดับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

3. การลดความเหลื่อมล้ำ: SDG 10: โครงการวิจัยนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกันในพื้นที่ การศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาไม่เท่าเทียม การขาดทักษะทางวิชาชีพ หรือการขาดแคลนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, การศึกษา และการมีงานทำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในชุมชน

การสร้างโอกาสในการพัฒนาโดยการให้ความรู้และทักษะ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ จะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้และทำให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและยั่งยืน

4. การเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: SDG 8: การวิจัยและผลลัพธ์จากโครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการออกแบบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับทรัพยากรท้องถิ่นและความสามารถของชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นการส่งเสริมอาชีพที่ยั่งยืนและการสร้างงานในชุมชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนท้องถิ่น แต่ยังช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงจากภายนอก และสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี ได้รับการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับทรัพยากรในพื้นที่

5. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักในภาคเหนือตอนล่าง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ หัวหน้าโครงการวิจัย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลวิจัยที่มีความแม่นยำในการออกแบบนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยระบุว่า “การใช้วิจัยในเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาความยากจนในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบมาตรการที่ตรงกับความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การทำงานร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และการนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานภาครัฐ, และภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โครงการวิจัยนี้จึงเป็นการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับบริบทท้องถิ่น ถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้าน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ออกให้บริการรักษาทางทันตกรรมให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ออกให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลก โดยมีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมจำนวน 554 ราย ซึ่งการให้บริการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือด้านการรักษาสุขภาพช่องปาก แต่ยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDGs 10: การลดความเหลื่อมล้ำ

ในโครงการนี้ ทีมทันตแพทย์จากหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ได้มุ่งเน้นการให้บริการรักษาทางทันตกรรมที่ครอบคลุมต่อผู้ต้องขัง ซึ่งรวมถึงการถอนฟัน 548 ราย และการผ่าฟันคุด 6 ราย โดยบริการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ต้องขังหลายราย ซึ่งแสดงความคิดเห็นว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้รับการรักษาฟันจากคุณหมอ และบางคนยังแสดงความต้องการให้มีการจัดบริการด้านทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการทันตกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้คนในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่อาจไม่ได้รับการดูแลทางทันตกรรมที่เพียงพอในชีวิตประจำวัน การให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพช่องปากที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และช่วยลดความเจ็บปวดจากปัญหาฟันที่ไม่สามารถได้รับการรักษาตามปกติ

การให้บริการทันตกรรมนี้สอดคล้องกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการสุขภาพที่ทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผู้ต้องขังเป็นกลุ่มคนที่มักไม่ได้รับการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพในทุกๆ ด้าน การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินโครงการนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการทำให้การรักษาสุขภาพช่องปากมีความยั่งยืนและเข้าถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการสุขภาพสำหรับกลุ่มผู้ต้องขังที่บางครั้งไม่ได้รับความสนใจจากสังคมในด้านนี้

การให้บริการนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสิทธิพื้นฐานในการมีสุขภาพที่ดีของทุกคนในสังคม

อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญที่โครงการนี้สนับสนุนคือ SDGs 10: การลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งมุ่งเน้นการลดช่องว่างและความไม่เท่าเทียมในด้านต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โครงการนี้ช่วยให้ผู้ต้องขังในเรือนจำได้เข้าถึงบริการทันตกรรมอย่างมีคุณภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพระหว่างกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน

การให้บริการทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในครั้งนี้เป็นการช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพที่มีคุณภาพ เนื่องจากผู้ต้องขังมักจะเผชิญกับข้อจำกัดในการได้รับการรักษาจากสาธารณสุขที่มีอยู่ในระบบ การนำบริการทันตกรรมไปให้ถึงกลุ่มนี้ถือเป็นการปฏิบัติตามหลักการของ SDGs 10 ในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมุ่งเน้นให้บริการแก่กลุ่มคนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพเท่าเทียมกับกลุ่มอื่นๆ

ผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชุมชน โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการเสริมสร้างความเท่าเทียมในด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มคนในสังคมที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาปัญหาด้านสุขภาพในขณะนั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถกลับเข้าสู่สังคมด้วยสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบทางบวกในด้านจิตใจและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะทันตแพทยศาสตร์ได้ดำเนินการดังกล่าวยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถาบันการศึกษากับชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการนำความรู้และทักษะที่มีไปให้บริการแก่ผู้ที่มีความจำเป็นในชุมชน ส่งผลให้การพัฒนาที่ยั่งยืนเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่น

รับสมัคร นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ทุน กสศ. ปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 ทุน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เปิดรับสมัครนักศึกษาสำหรับ หลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล (PNNU) รุ่นที่ 15 สำหรับปีการศึกษา 2566 จำนวน 40 ทุน โดยมอบ ทุนการศึกษาเรียนฟรี 1 ปี พร้อมทั้งมี เงินเดือนให้ระหว่างการเรียน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการประกอบอาชีพผู้ช่วยพยาบาล และต้องการได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความตั้งใจและผลการเรียนที่ดี

ส่งเสริม SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ

ทุนการศึกษานี้เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้าง SDG 4 หรือ การศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ มหาวิทยาลัยนเรศวรตระหนักถึงความสำคัญของการให้โอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาในสาขาวิชาชีพที่มีความต้องการสูงในตลาดแรงงาน การให้ทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักศึกษาที่มีฐานะยากจน แต่ยังเป็นการพัฒนาทักษะและความสามารถในการทำงานที่มีคุณภาพ ซึ่งจะมีผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เรียนและชุมชนในระยะยาว

สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ

ทุนการศึกษานี้ยังสอดคล้องกับ SDG 10 หรือ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยการให้โอกาสทางการศึกษากับกลุ่มนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความสามารถและตั้งใจจะเรียนรู้และพัฒนาทักษะในสาขาวิชาชีพที่มีความสำคัญต่อสังคม เช่น อาชีพผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่ขาดแคลนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุข การให้ทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา แต่ยังช่วยเสริมสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับผู้เรียน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสทางการงานที่ดีขึ้น และสามารถยกระดับชีวิตทางเศรษฐกิจและสังคมได้

ข้อมูลและคุณสมบัติของผู้สมัคร

ทุนการศึกษานี้เปิดรับสมัครสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ และมีผลการเรียนดี ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของการขับเคลื่อน SDG 10 ในการลดช่องว่างทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยให้โอกาสแก่นักศึกษาที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทรัพยากรในการศึกษาต่อในระดับสูงได้มีโอกาสศึกษาต่อและพัฒนาทักษะในอาชีพผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความต้องการสูงในภาคการแพทย์และการสาธารณสุข

ผู้สมัครต้องเป็นผู้ที่รักในอาชีพผู้ช่วยพยาบาลและมีความตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองในสายอาชีพนี้ โดยการเข้าศึกษาในหลักสูตรที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการการแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนมีความสามารถในการทำงานได้อย่างมีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของสังคม

การเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทุนการศึกษานี้ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างพันธมิตรที่สำคัญระหว่างมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, และหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนการศึกษาและการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมมือกับ กองทุนส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิต (กสศ.) ในการให้ทุนการศึกษานี้ ซึ่งเป็นการสร้างพันธมิตรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยไม่แบ่งแยกทางเศรษฐกิจและสังคม

ทุนการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาอาชีพที่มีคุณภาพและยั่งยืนให้กับผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความตั้งใจและพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองในสาขาอาชีพที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคม การมอบทุนการศึกษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและสามารถพัฒนาทักษะเพื่อรองรับตลาดแรงงานที่ต้องการความสามารถในด้านการแพทย์และสาธารณสุข

โครงการนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน SDG 4 และ SDG 10 โดยให้โอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพแก่ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และสร้างความเท่าเทียมในสังคม รวมถึงการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับผู้เรียนในอนาคต.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านทาง Line OA : https://lin.ee/e6DDQaJ หรือ Line OA: @694nsyob
ติดตามข่าวสารผ่านเพจ หลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล ม.นเรศวร PNNU >> https://web.facebook.com/profile.php?id=100090172741425
เข้าไปสมัครด่วนเลยจ้าหรือติดตามข้อมูลได้ที่เว๊บไซต์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก จัดโครงการ ‘อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10’ ตรวจฟันฟรี สร้างสุขภาพที่ดีให้เด็กและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

วันที่ 20 ธันวาคม 2566 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก ได้จัดโครงการบริการตรวจฟันและให้คำปรึกษาทางทันตกรรมฟรี แก่นักเรียนและประชาชนทั่วไป ภายใต้โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10” ณ โรงเรียนบ้านซำเตย ตำบลดินทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีการให้บริการด้านสุขภาพช่องปาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารของจังหวัดพิษณุโลก

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ที่มอบหมายให้นายพงษ์มนู ทองหนัก รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเปิดโครงการ พร้อมด้วยนายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอวังทอง และนายมนต์รัตน์ ปาลิวนิช ประธานชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี 12 ความถี่ จังหวัดพิษณุโลก ในการร่วมต้อนรับและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการตรวจสุขภาพฟัน การให้คำปรึกษาทางทันตกรรม การมอบทุนการศึกษา การจัดหาอุปกรณ์การเรียนและกีฬา รวมทั้งการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนและจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อสร้างความสุขให้กับนักเรียนและประชาชนในท้องถิ่น

การจัดกิจกรรมนี้ยังสะท้อนถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพที่ดี (SDG 3) และ ลดความยากจน (SDG 1) ซึ่งการให้บริการทางทันตกรรมฟรีนี้ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ และส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี นอกจากนี้ยังส่งเสริม การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (SDG 4) ผ่านการมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กนักเรียนในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้เด็กนักเรียนในพื้นที่ได้รับโอกาสในการศึกษาและพัฒนาทักษะชีวิตที่ดีขึ้น

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการตรวจฟันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนผ่านกิจกรรมจิตอาสาและการบริการสาธารณะต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในท้องถิ่น และช่วยสนับสนุนให้ชุมชนในจังหวัดพิษณุโลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน

โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์” เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการรวมพลังจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.

ที่มา: คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน ออกพื้นที่บริการสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการให้บริการทางการแพทย์และทันตกรรมที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการลดความไม่เท่าเทียมในสังคม

หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้คือการให้บริการ ฟันเทียมพระราชทาน ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2566โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนทอง ตำบลโพนทอง อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการการดูแลสุขภาพช่องปากที่สูง แต่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ

ความสำคัญของการให้บริการฟันเทียม ในพื้นที่ดังกล่าว กลุ่มงานทันตกรรมของ โรงพยาบาลโพธิ์ตาก พบปัญหาในการให้บริการ ฟันเทียมทั้งปาก สำหรับผู้ป่วยที่มีกรณีซับซ้อนและต้องการการดูแลพิเศษ ทีมทันตกรรมจึงได้ประสานงานกับ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน จาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อช่วยเหลือและให้บริการแก่ผู้ป่วย โดยมี อาจารย์ทันตแพทย์, นิสิตปริญญาโท, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และ ช่างทันตกรรม จากมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวนกว่า 30 คน ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่ในระยะเวลา 3 วัน เพื่อทำฟันเทียมทั้งปากให้แก่ผู้ป่วยจำนวน 34 ราย

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำฟันเทียม สิ่งที่โดดเด่นในโครงการนี้คือการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการผลิตฟันเทียม ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการทันตกรรมไปอีกขั้น การใช้ การสแกนฟันดิจิทัล (Digital Scan) เพื่อเก็บข้อมูลฟันที่แม่นยำ จากนั้นทำการออกแบบฟันเทียมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (CAD Design) และใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ในการผลิตฟันเทียม

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Denture) ในการผลิตฟันเทียมทำให้สามารถออกแบบและผลิตฟันที่มี ความสวยงามและเป็นธรรมชาติ มากขึ้น เนื่องจากฟันเทียมสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพช่องปากของผู้ป่วยแต่ละราย แตกต่างจากการใช้ฟันสำเร็จรูปแบบเดิมจากบริษัทที่ผลิตในรูปแบบมาตรฐาน

การทดสอบระบบดิจิทัลครั้งนี้ทำให้สามารถผลิต ฟันเทียมดิจิทัล ได้เร็วขึ้น โดยไม่สูญเสียคุณภาพและความแข็งแรงของฟันเทียม กระบวนการผลิตยังคงรักษามาตรฐานสูงเช่นเดียวกับการผลิตฟันเทียมแบบปกติ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความสวยงามและความเข้ากับผู้ป่วย ที่ดีขึ้น เนื่องจากการออกแบบที่เฉพาะเจาะจง

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการ ในการออกหน่วยครั้งนี้, 5 เคสแรกของฟันเทียมดิจิทัล (Digital Denture) ได้รับการผลิตด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการรักษา ฟันเทียมที่ผลิตขึ้นมาไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่ยังมี ความสะดวกในการใช้งาน และ ความมั่นคงในการยึดติด ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าฟันเทียมแบบดั้งเดิม

การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติและระบบดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตฟันเทียมให้เร็วกว่าการผลิตด้วยวิธีแบบดั้งเดิม รวมทั้งยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและการให้บริการในระยะยาว

ความท้าทายและการพัฒนาในอนาคต แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในครั้งนี้จะสร้างความสำเร็จในด้านการผลิตฟันเทียมที่มีคุณภาพสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายด้าน ค่าใช้จ่าย สำหรับอุปกรณ์และวัสดุที่มีราคาสูง รวมถึง ความซับซ้อนในการใช้งาน ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาทักษะจากทีมงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโพธิ์ตาก, โดยมี ทพ.ณัฐพล มัสยามาตย์ หัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลโพธิ์ตาก ซึ่งช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการของทีมงานจากหน่วยทันตกรรมพระราชทาน

นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณ ทพญ.เขมจิรัฏฐ์ โควสุภัทร์, ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนเรศวร, ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงานการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ รวมถึง อาจารย์, นิสิต, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และช่างทันตกรรม ที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้ป่วยจำนวน 34 ราย โดยทุกคนสามารถกลับไปมี รอยยิ้มใหม่ ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการให้บริการที่มีคุณภาพและมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

ที่มา: หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

รับสมัครทุนการศึกษานิสิตคณะวิทยาศาสตร์ และทุนการศึกษานิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จำนวน 23 ทุน

การรับสมัคร ทุนการศึกษานิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จำนวน 15 ทุน เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาและพัฒนานิสิตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ ที่มุ่งเน้นให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ให้การขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นอุปสรรคในการพัฒนา

การศึกษาที่มีคุณภาพเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน (SDG 4)

ทุนการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์หลักในการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ นิสิตที่มีผลการเรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตเหล่านี้สามารถศึกษาต่อในระดับสูงโดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาทางการเงิน ความสามารถทางวิชาการของนิสิตที่มีคะแนนเฉลี่ย 2.00 ขึ้นไป นับเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการศึกษาของนิสิต ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) ที่ส่งเสริมให้เกิดการศึกษาที่มีคุณภาพและสามารถพัฒนาศักยภาพของบุคคลให้เต็มที่

นอกจากนี้ การที่นิสิตต้อง เข้าร่วมกิจกรรมของภาควิชาหรือคณะ หรือ บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชน ยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลายและการพัฒนาทักษะชีวิตอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น ทักษะการทำงานเป็นทีม การบริหารเวลา และความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการสร้างความยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและสังคม

การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (SDG 10)

ทุนการศึกษานี้ยังช่วยส่งเสริม SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) โดยการให้โอกาสทางการศึกษากับนิสิตที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ แต่มีความสามารถทางวิชาการและความตั้งใจที่จะเรียนรู้ ทุนการศึกษานี้เป็นการลดช่องว่างในโอกาสทางการศึกษาที่เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ช่วยให้ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สามารถพัฒนาตนเองได้ตามศักยภาพ โดยไม่ถูกจำกัดจากปัญหาทางการเงิน

การพัฒนาโอกาสให้กับนิสิตที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในด้านการศึกษาและความประพฤติที่ดี ถือเป็นการเสริมสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและเท่าเทียมกันทางด้านการศึกษา นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนานิสิตให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับจากการศึกษามาใช้ในการพัฒนาสังคมต่อไป

การสร้างแบบอย่างในสังคมที่ยั่งยืน

การกำหนด คุณสมบัติที่สำคัญ ของผู้สมัคร เช่น ความประพฤติดี มีความขยันอดออม และไม่เคยถูกลงโทษทางวินัย เป็นการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในนิสิต ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการสร้างบุคลากรที่ดีต่อสังคม การมีความประพฤติดีและการแต่งกายที่ถูกต้องตามกาลเทศะ ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับนิสิตในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัย แต่ยังช่วยส่งเสริมการสร้างสังคมที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน

รับสมัครตั้งแต่ 27 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2566
รายละเอียดการรับสมัคร คลิ๊ก >>> https://drive.google.com/…/1CdUZTVe4AoGHxeekVHvZB2wY6eI…
งานกิจการนิสิต และศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โทร 055963150-2

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin