ม.นเรศวร ได้รับรางวัล G-Green ระดับดีเยี่ยม เชิดชูเกียรติด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยเข้ารับ รางวัลตราสัญลักษณ์ G-Green ระดับประเทศ ในฐานะที่มหาวิทยาลัยได้ผ่านการประเมินรับรองความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปี 2567 โดยได้รับการจัดอันดับในระดับ “Green Office ระดับดีเยี่ยม (ทอง)” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในการประเมินความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมจาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รางวัลนี้ถือเป็นการยอมรับในความพยายามและความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ

ในพิธีมอบรางวัลดังกล่าว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานในพิธี มอบรางวัล ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานที่มีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการรักษาสิ่งแวดล้อมและการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ การได้รับรางวัลนี้สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของมหาวิทยาลัยในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกมิติของการศึกษาและการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย

รางวัล G-Green นี้ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการดำเนินงานภายใต้ SDG12 (การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ) ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการในหลายๆ ด้าน เช่น การลดการใช้พลาสติก การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า รวมถึงการส่งเสริมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้สร้างความร่วมมือจากทั้งนิสิต บุคลากรและชุมชนในการร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

การได้รับรางวัลในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเกียรติแก่มหาวิทยาลัยนเรศวรเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยยังคงดำเนินการในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างการตระหนักรู้และกระตุ้นให้บุคลากรทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก”

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 กองบริการการศึกษา โดยงานจัดการวิชาศึกษาทั่วไป ร่วมกับคณาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ได้จัดการประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก” เพื่อส่งเสริมให้นิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการแสดงทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้เกิดการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดของเสียที่เกิดจากการบริโภคเกินความจำเป็น ในปีนี้มีนิสิตเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 779 คน และส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 29 ผลงาน ณ โถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีกับนิสิตที่ได้รับรางวัลในการประกวดนวัตกรรมรักษ์โลก ดังนี้
🥇 รางวัลชนะเลิศ: ผลงาน “บ่อดักไขมัน 2 in1” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยไขมันลงสู่แหล่งน้ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำให้สะอาดขึ้น
🥈 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ผลงาน “Pure Flow ไหลสะอาด ไร้ไขมัน” ที่ออกแบบระบบกรองน้ำมันจากครัวเรือนก่อนปล่อยลงท่อน้ำเสีย ช่วยลดมลพิษทางน้ำ
🥉 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ผลงาน “ถนนชาร์ทรถ EV ด้วยระบบโซล่าเซลล์” ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนการลดการใช้พลังงานฟอสซิล และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
🎖 รางวัลชมเชย:

  • “Second Life จากของเหลือใช้” นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน
  • “บ้านที่หายใจได้” ออกแบบบ้านที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและปรับอากาศตามธรรมชาติ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
  • “กิ๊ฟเซ็ตกระเป๋ารักษ์โลก และเครื่องประดับจากขวดพลาสติก” เปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

กิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ในการดูแลรักษาโลกของเรา ตอกย้ำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของโลกเรา

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

NU PLAYGROUND: ตลาดสีเขียวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดกิจกรรม NU PLAYGROUND ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งความสุขและความสร้างสรรค์สำหรับนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมแนวคิดการลดขยะและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทางของ SDG12 (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) และ SDG13 (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ ลาน Playground หอในมอนอ โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนในมหาวิทยาลัยได้เข้าร่วมกิจกรรมและเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสีเขียวแห่งอนาคต

ภายในงานจะมีกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมจากนิสิตและกลุ่มชมรมต่าง ๆ เช่น การรณรงค์ให้ใช้ภาชนะส่วนตัวเพื่อลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมี โซนตลาดสีเขียว ซึ่งเน้นสินค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก และสินค้าจากนิสิตที่ส่งเสริมการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งการเสวนาและเวิร์กช็อปเกี่ยวกับการลดขยะและการดูแลสิ่งแวดล้อม ที่นิสิตสามารถเข้าร่วมเพื่อเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมในงานได้รับการสนับสนุนจาก ชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, ชมรมจิตอาสา, และชมรมต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างจิตสำนึกให้กับนิสิต ผ่านกิจกรรม เช่น การรณรงค์ให้ลดการใช้พลาสติก การรีไซเคิลขยะ การใช้พลังงานทางเลือก และการปลูกต้นไม้รอบพื้นที่มหาวิทยาลัย กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างความสามัคคีและความรับผิดชอบร่วมกันของนิสิตทุกคน

การจัดงาน NU PLAYGROUND ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบูรณาการแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับวิถีชีวิตของนิสิตและบุคลากร โครงการนี้เป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนแนวคิด SDG12 และ SDG13 ในระดับมหาวิทยาลัย ที่มุ่งเน้นการลดการสูญเปล่าและส่งเสริมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

NU PLAYGROUND จึงไม่ใช่เพียงแค่ตลาดหรืองานอีเวนต์ทั่วไป แต่เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้และลงมือทำจริงเกี่ยวกับแนวคิดด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะนำไปสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต

รณรงค์การลดขยะภายในมหาวิทยาลัย

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตเข้าร่วมรณรงค์ลดปริมาณขยะภายในคณะฯ เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติด้านการจัดการขยะในจังหวัดพิษณุโลก กิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบและสร้างวินัยในการลดขยะให้แก่ทุกคนในชุมชนมหาวิทยาลัย โดยเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

แนวทางการดำเนินการรณรงค์ประกอบด้วย 3 มาตรการหลัก ได้แก่ การลดการใช้พลาสติก โดยรณรงค์ให้งดใช้กล่องโฟม ช้อนส้อมพลาสติก แก้วพลาสติก และถุงพลาสติก แล้วหันมาใช้ภาชนะส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ จาน ช้อนส้อม และถุงผ้า เพื่อลดปริมาณขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ทุกคนร่วมมือกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถังขยะที่มีการแยกประเภทตามสี เพื่อให้สามารถนำขยะไปจัดการต่อได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ทางคณะฯ ได้กำหนดจุดทิ้งขยะในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการคัดแยกและกำจัดขยะอย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และร่วมกันรณรงค์ลดปัญหาขยะพลาสติกที่เป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน โดยมีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของขยะต่อสิ่งแวดล้อม และแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนภายในมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงาน และชมรมนิสิตต่าง ๆ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน กิจกรรมนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะภายในคณะศึกษาศาสตร์ แต่ยังเป็นต้นแบบที่ดีให้กับมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรอบ เพื่อให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน SDG12 และ SDG13 นำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยให้กับทุกคน

มหาวิทยาลัยนเรศวร สร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีการสร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนในมหาวิทยาลัย, ชุมชนโดยรอบ, และผู้ประกอบการท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลาดโบราณย้อนยุคไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเลือกซื้ออาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวของขนมและอาหารโบราณที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่เช่นนี้ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมาย SDG 4 “การศึกษาที่มีคุณภาพ” และ SDG 11 “เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ตลาดโบราณย้อนยุคยังเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีโอกาสสร้างรายได้ถือเป็นการส่งเสริม SDG 8 “การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โดยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีกิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาใช้ใหม่เป็นภาชนะในการปลูกต้นไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ในขวดพลาสติกที่เป็นวัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดขยะในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 “การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน” โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การสร้างพื้นที่แห่งความสุขเช่นนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ความรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรมในทุกมิติของการพัฒนา

NU Playground Zero Waste

ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ NU Zero Waste ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมกิจกรรมตามหลัก 3Rs คือ Reduce, Reuse, Recycle เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในการจัดการขยะให้กับนิสิต โดยได้รับเกียรติจาก คุณสมหมาย แก้วเกตุศรี ผู้จัดการวงศ์พานิชย์ สาขาย่อย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทีมงาน ซึ่งมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “Go Zero Waste” และลงภาคปฏิบัติการในการคัดแยกขยะเพื่อช่วยโลก

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ พร้อมทีมงาน ได้มาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “ลดขยะลดโลกร้อนด้วยนวัตกรรม Recycle” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มีการจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการลดขยะและจัดการสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันได้จริง

โครงการ NU Zero Waste ได้รับความสนใจจากนิสิตจำนวนมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินงานที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ SDG12 (การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ) โดยมีการใช้การอบรมและกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการขยะและการลดปริมาณขยะให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตระหนักรู้ในความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรวม

โครงการนี้จัดขึ้นที่ ห้องล้อบบี้ ชั้น 2 อาคารขวัญเมือง ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนิสิตในการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยมีความร่วมมือจาก นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร, ชมรม และหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในทั้งระดับมหาวิทยาลัยและชุมชน

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรม Waste Towers ครั้งที่ 2

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดกิจกรรม Waste Towers ครั้งที่ 2 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเป้าหมายที่ 11 (SDG 11) การสร้างเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 12 (SDG 12) การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน

จุดมุ่งหมายของกิจกรรม กิจกรรม Waste Towers มุ่งสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับนิสิตและบุคลากร ผ่านการแข่งขันเก็บขยะในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ

รูปแบบการจัดกิจกรรม งานครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครแข่งขันเป็นทีม ทีมละ 1-3 คน โดยเป้าหมายคือการเก็บขยะภายในรั้วมหาวิทยาลัย แล้วนำมาชั่งน้ำหนัก ทีมที่รวบรวมขยะได้มากที่สุดจะได้รับรางวัลตามลำดับดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: 2,000 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1: 1,500 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2: 1,000 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3: 500 บาท
  • รางวัลชมเชย: 200 บาท (3 รางวัล)
กำหนดการ
  • สมัครเข้าร่วม: ได้ที่ แบบฟอร์มออนไลน์ ภายในวันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567 เวลา 20:00 น.
  • วันจัดกิจกรรม: วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2567
    • ลงทะเบียน: 09:00 – 09:30 น.
    • สถานที่: โถงใต้อาคารเรียนรวม คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ตึก EN)

ความสำคัญของกิจกรรม กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมาย SDG 11 และ 12 ของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเน้นการสร้างชุมชนที่สะอาดและเป็นระเบียบ พร้อมส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยสร้างความสามัคคีและจิตอาสาในชุมชนมหาวิทยาลัย

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีไปพร้อมกันใน Waste Towers ครั้งที่ 2!

“พกภาชนะ ลดขยะ สร้างสังคมยั่งยืน” ม.นเรศวร ขับเคลื่อนการผลิตและบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

มหาวิทยาลัยนเรศวรเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG) โดยเฉพาะ SDG 12: การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการส่งเสริมจิตสำนึกในการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการรณรงค์ให้ชุมชนในมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง

พกภาชนะมาเอง ลดพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง
มหาวิทยาลัยนเรศวรสนับสนุนให้ทั้งนิสิตและบุคลากรพกพาภาชนะส่วนตัวมาใช้ในโรงอาหาร NU Canteen เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมอบส่วนลดพิเศษ 2-5 บาท ให้แก่ผู้ที่นำภาชนะมาเอง ความร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง แต่ยังสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกมื้ออาหาร

จัดการเศษอาหารอย่างสร้างสรรค์
มหาวิทยาลัยยังตระหนักถึงปัญหาการสูญเสียอาหารและขยะอินทรีย์ในโรงอาหาร จึงได้ดำเนินโครงการ คัดแยกเศษอาหาร จากร้านค้าที่เข้าร่วม เพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การดำเนินงานนี้ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่

ความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณนิสิตและบุคลากรที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การพกภาชนะมาเอง และการ จัดการเศษอาหาร อย่างเหมาะสม กิจกรรมเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของชุมชนมหาวิทยาลัยในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

เพราะอนาคตที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่ตัวเรา
ร่วมกันสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยสีเขียวเพื่ออนาคตที่ดีของทุกคน พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุที่ยั่งยืนด้วยความร่วมมือจาก นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร, ชมรม และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้ง บุคลากรและนิสิต

เพราะอนาคตที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่ตัวเรา ร่วมกันสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยสีเขียวเพื่ออนาคตที่ดีของทุกคน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการผลิตที่ปลอดภัย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้การนำของ ดร.ณิชากร คอนดี อาจารย์ประจำภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 12) ผลงานของท่านคือการคิดค้น “สารกำจัดวัชพืชชีวภาพ (Bioherbicide)” ที่ผลิตจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยใช้แบคทีเรียเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

พัฒนาการสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ตั้งแต่ปี 2561 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมมือกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตรในการพัฒนาการใช้วัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรและผลพลอยได้จากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น กากสับปะรด กากถั่วเหลือง เปลือกทุเรียน และกากมะพร้าว เป็นต้น มาใช้เป็นแหล่งอาหารและพลังงานสำหรับแบคทีเรียในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ (biosurfactant) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่มีความปลอดภัยสูง และไม่ก่อให้เกิดการตกค้างในสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติของสารกำจัดวัชพืชชีวภาพ สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นนั้นมีความสามารถในการกำจัดวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับสารกำจัดวัชพืชเคมีในตลาด แต่แตกต่างตรงที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์นี้จะอยู่ในรูปของสารละลายไมโครอิมัลชันที่ประกอบด้วยสารสำคัญที่ถูกห่อหุ้มในระดับนาโน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายตัวและการซึมผ่านของสารเข้าไปในเนื้อเยื่อของใบวัชพืชได้อย่างรวดเร็ว

ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นนี้ยังสามารถทำงานได้ในสภาวะที่ท้าทาย เช่น pH, อุณหภูมิ หรือความเค็มสูง และมีข้อดีคือสามารถผลิตจากวัสดุที่มีต้นทุนต่ำ โดยใช้ของเสียจากการเกษตรและผลพลอยได้จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดของเสียที่เป็นอันตราย แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ได้อีกด้วย

การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากมหาวิทยาลัยนเรศวรนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเน้นการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนในประเทศไทย

แนวทางต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นมีศักยภาพในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในภาคเกษตรกรรมอย่างแพร่หลาย และสามารถลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้สารกำจัดวัชพืชที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้และผู้บริโภค ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสใหม่ในตลาดและเสริมสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อยอดเทคโนโลยีนี้ สามารถติดต่อได้ที่ กองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา หมายเลขโทรศัพท์ 0 5596 8727

การพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพนี้ไม่เพียงแต่เป็นการวิจัยที่นำไปสู่ความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างทิศทางใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบจากการใช้สารเคมี และสนับสนุนการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin