NU Playground Zero Waste: Event ดีๆ ที่ไม่มีขยะ

NU PLAYGROUND แลนด์มาร์คแห่งใหม่มหาลัยนเรศวร กิจกรรมดีๆ ที่สร้างความสุขในการจับจ่ายซื้ออาหาร และเป็นพื้นที่ซื้อสินค้าและการผักผ่อน โดยไม่สร้างขยะเหลือทิ้ง ด้วยการใช้ภาชนะใส่อาหารส่วนตัวมาใช้เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก โดยจัดกจกรรมวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ ลาน Playground หอในมอนอ

รณรงค์การลดขยะภายในมหาวิทยาลัย

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตร่วมรณรงค์การลดขยะภายในคณะฯ อันเนื่องมาจากวิกฤติสถานการณ์การจัดการขยะภายในจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้
1.ลดการใช้พลาสติก โดยลดการใช้กล่อง ช้อนส้อม แก้ว และถุงพลาสติก แล้วหันมาใช้แก้ว จาน ช้อนส้อม ถุงผ้า ฯลฯ
2.ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถังขยะทั้ง 4 สี
3.ทิ้งขยะตามจุดที่คณะฯกำหนด

มหาวิทยาลัยนเรศวร สร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีการสร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนในมหาวิทยาลัย, ชุมชนโดยรอบ, และผู้ประกอบการท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลาดโบราณย้อนยุคไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเลือกซื้ออาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวของขนมและอาหารโบราณที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่เช่นนี้ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมาย SDG 4 “การศึกษาที่มีคุณภาพ” และ SDG 11 “เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ตลาดโบราณย้อนยุคยังเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีโอกาสสร้างรายได้ถือเป็นการส่งเสริม SDG 8 “การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โดยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีกิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาใช้ใหม่เป็นภาชนะในการปลูกต้นไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ในขวดพลาสติกที่เป็นวัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดขยะในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 “การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน” โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การสร้างพื้นที่แห่งความสุขเช่นนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ความรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรมในทุกมิติของการพัฒนา

NU Playground Zero Waste

กองกิจการนิสิต จัดโครงการ NU Zero Waste เพื่อส่งเสริมกิจกรรมตามหลัก 3 Rs คือ Reduce Reuse และ Recycle อบรมให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้แก่นิสิต ได้นำความรู้กลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยได้รับเกียรติจากคุณสมหมาย แก้วเกตุศรี ผู้จัดการวงศ์พานิชย์ สาขาย่อย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทีมงาน มาบรรยายให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะ หัวข้อ “Go Zero Waste” และลงภาคปฏิบัติการ เรื่อง การคัดแยกขยะช่วยโลก

ในช่วงบ่ายได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์พร้อมทีมงาน มาบรรยายให้ความรู้เรื่อง “ลดขยะลดโลกร้อนด้วยนวัตกรรม Recycle” ซึ่งโครงการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น มากกว่า 200 คน ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องล้อบบี้ ชั้น 2 อาคารขวัญเมือง

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม: สร้างประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมทุกเพศทุกวัย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566, นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มอบหมายให้บุคลากรกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมดูแลต้อนรับและนำชมกลุ่มลูกค้าและพนักงานจากบริษัท เอ็มวันพิษณุโลก จำกัด จำนวน 50 คน ในการเข้าชม ผลงานศิลปะจากคลังสะสม “Color light” ซึ่งจัดแสดง ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวรและพิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรม “ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม” เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าเยี่ยมชมทุกเพศทุกวัยได้สัมผัสการสร้างสรรค์ผ้าแบบดั้งเดิม และมีกระบวนการในการเรียนรู้ศิลปะผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่น.

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม ประสบการณ์ด้านศิลปะ (Learning Experience) ซึ่งมีเป้าหมายในการเผยแพร่และอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจในคุณค่าของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในทุกยุคทุกสมัย โดยผ่านการสัมผัสกับกระบวนการและเทคนิคการทำผ้าด้วยมือ รวมถึงการใช้สีจากธรรมชาติในการมัดย้อม ที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มีความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน.

กิจกรรม “ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม” ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่า โดยการสัมผัสกระบวนการสร้างสรรค์ผ้าด้วยมือและการใช้สีจากธรรมชาติในการมัดย้อม ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำผ้าแบบดั้งเดิมที่เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทยและสามารถสืบทอดความรู้เหล่านี้ได้ในอนาคต การศึกษาเกี่ยวกับการทำผ้าและการใช้วัสดุธรรมชาติยังช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในกระบวนการผลิตที่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกวัยได้เรียนรู้ศิลปะที่มีคุณค่า.

กิจกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการใช้วัสดุท้องถิ่นในกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน โดยการใช้ สีจากธรรมชาติ ในการมัดย้อมผ้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีความยั่งยืนและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.

การใช้ วัตถุดิบท้องถิ่น และกระบวนการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีในกิจกรรมการมัดย้อมเป็นการส่งเสริมการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยั่งยืน ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน.

กิจกรรมนี้สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือที่มีความสำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัย ภาครัฐและ ชุมชนท้องถิ่น ในการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่สามารถสืบสานไปยังอนาคต. การส่งเสริมให้ทุกคนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์ศิลปะไทยไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนาน แต่ยังช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติ.

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมนี้ยังเสริมสร้าง ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย กับ ภาคธุรกิจ เช่นบริษัท เอ็มวันพิษณุโลก จำกัด ซึ่งทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ด้านศิลปะและวัฒนธรรมร่วมกัน ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในแง่ของการศึกษาศิลปะและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น.

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ฝึกทักษะการทำ D.I.Y. กระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์ตัวเก่า ส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาและสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในวันที่ 14 กันยายน 2566, งานกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมทักษะด้านวิชาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ครั้งที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพและการสร้างธุรกิจในรูปแบบที่ยั่งยืน โดยในกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา สงวนสิน เป็นวิทยากรในการจัด Workshop “ฝึกทักษะการทำ D.I.Y. กระเป๋าผ้า จากกางเกงยีนส์ตัวเก่า” ซึ่งจัดขึ้น ณ โถงอาคารเรียนรวม คณะวิทยาศาสตร์.

กิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับนิสิตและบุคคลทั่วไปในการประกอบอาชีพ โดยการฝึกทำกระเป๋าผ้าจาก กางเกงยีนส์เก่า เป็นการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และมีโอกาสในการสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดการสร้างขยะจากสิ่งของที่ใช้แล้ว. การจัดกิจกรรมนี้สะท้อนถึงการมุ่งส่งเสริม การศึกษาที่มีคุณภาพ (SDG 4) โดยการเปิดโอกาสให้นิสิตและประชาชนได้เรียนรู้วิธีการนำสิ่งของที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีประโยชน์.

การเรียนรู้ทักษะการทำกระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์เก่าผ่านกิจกรรม Workshop D.I.Y. นี้ ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผลิตสินค้าที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใหม่ เป็นการสร้างพื้นฐานทักษะวิชาชีพให้กับนิสิต ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจส่วนตัวหรือการประกอบอาชีพในอนาคตได้.

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้าง ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, และชุมชน เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพและเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้าน การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SDG 12) และ การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17). การใช้วัสดุที่เหลือใช้แล้วในกิจกรรมนี้ยังส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการ รีไซเคิล และการนำของเก่ากลับมาสร้างประโยชน์ใหม่ โดยการสร้างสิ่งของที่มีคุณค่าทางการใช้งานและสามารถจำหน่ายได้.

การนำความรู้และเทคนิคมาฝึกฝนร่วมกันในกิจกรรมนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างบุคลากรจากคณะวิทยาศาสตร์และผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการ ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพให้กับนิสิตและชุมชน โดยการนำแนวคิดที่เกี่ยวกับ การพัฒนาที่ยั่งยืน มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง.

กิจกรรมการทำ กระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์เก่า เป็นการสนับสนุนการ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (SDG 12)โดยการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิล ทำให้สามารถลดการสร้างขยะและการใช้วัสดุใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นถึงคุณค่าของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือและการปรับใช้เทคนิคการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม.

แนะหลักสูตรระยะสั้น : การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การจัดหลักสูตรระยะสั้น “การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ” โดยคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมการบริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 4) ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง โดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพและการสร้างธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

รายละเอียดหลักสูตร: การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ หลักสูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างทักษะการประกอบธุรกิจให้กับผู้เรียน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมร้านกาแฟที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ผู้เรียนจะได้รับทั้งทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการดำเนินงานให้สำเร็จ โดยมีรายละเอียดกิจกรรมที่สำคัญดังนี้:

  1. ฝึกปฏิบัติการทำกาแฟกับมืออาชีพ ในส่วนนี้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เทคนิคการทำกาแฟที่มีคุณภาพ เรียนรู้การชงกาแฟตามสูตรต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงวิธีการเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และวิธีการชงกาแฟให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ธุรกิจร้านกาแฟสามารถสร้างรายได้จากการขายเครื่องดื่มกาแฟที่มีรสชาติพิเศษ
  2. เข้าใจรูปแบบของธุรกิจร้านกาแฟ หลักสูตรนี้จะสอนให้ผู้เรียนเข้าใจการทำธุรกิจร้านกาแฟตั้งแต่การจัดการต้นทุน การวางแผนการเงิน ไปจนถึงการบริหารการบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ผู้เรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการกำหนดราคาขาย การเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการวางแผนการจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
  3. เทคนิคการเปิดร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจกระบวนการเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบร้าน การจัดการทรัพยากร และการวางแผนการตลาดจนถึงการเปิดร้านจริง ผู้เรียนจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพในการเปิดร้านให้มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดลูกค้าได้
  4. การออกแบบร้านกาแฟเพื่อสร้างความดึงดูด การสร้างบรรยากาศภายในร้านกาแฟให้ดึงดูดลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจร้านกาแฟ หลักสูตรนี้จะสอนวิธีการออกแบบร้านกาแฟให้มีเอกลักษณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น การเลือกวัสดุตกแต่งที่มีความเหมาะสม การใช้สีและแสงในการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าดึงดูด
  5. การวางตำแหน่งแบรนด์และกลยุทธ์ทางการตลาด การสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจการวางตำแหน่งแบรนด์และการทำกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ร้านกาแฟเป็นที่รู้จักในตลาด รวมถึงการใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการโปรโมทสินค้าและบริการ
  6. ทริปพิเศษ “เขาค้อ” การทัศนศึกษาในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ เช่น เขาค้อ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจในการออกแบบธุรกิจ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการออกแบบร้านกาแฟจากสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า

หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบเพื่อสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งเน้นในสองด้านหลัก:

  1. การส่งเสริมการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8)
    หลักสูตรนี้มีเป้าหมายในการเสริมสร้างทักษะการทำธุรกิจที่ยั่งยืนให้แก่ผู้เรียน เพื่อให้สามารถสร้างธุรกิจที่ไม่เพียงแต่ทำกำไรได้ แต่ยังส่งเสริมการสร้างงานและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจในชุมชน การฝึกอบรมผู้ประกอบการให้มีทักษะที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและยั่งยืนในระยะยาว
  2. การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน (SDG 12)
    หลักสูตรนี้เน้นการเลือกใช้วัตถุดิบและวัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟจากแหล่งที่ยั่งยืน รวมทั้งการเลือกใช้วัสดุตกแต่งและการออกแบบร้านกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดหลักสูตร
  • จำนวนรับสมัคร: 20 ท่าน
  • ค่าลงทะเบียน: 3,900 บาท
  • วันที่จัดกิจกรรม: ตามประกาศ
  • สถานที่: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • วิธีการสมัคร: สมัครผ่านลิงก์ https://shorturl.asia/5817U
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: โทร. 055 964 822 (งานวิจัยและบริการวิชาการ)

รับสมัครด่วน! เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนในอนาคต!

ประกวดผลงานการพัฒนานวัตกรรม “ขยะทำเงิน”

โครงการ ประกวดผลงานการพัฒนานวัตกรรม “ขยะทำเงิน” รายวิชา 001279 วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2566 วันอังคารที่ 10 ต.ค. 2566 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ โถง ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ

ที่มา: กองบริการการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ยกระดับธุรกิจของสถานประกอบการ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์ตัดเย็บผ้า

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 งานบ่มเพาะธุรกิจอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรมที่ 3 ภายใต้โครงการ “การทดสอบตลาด” เพื่อถ่ายทอดความรู้และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การตลาดเชิงสร้างสรรค์” โดยมุ่งเน้นการช่วยพัฒนาความสามารถด้านการตลาดของผู้ประกอบการท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตภัณฑ์ตัดเย็บผ้า ตำบลสนามคลี อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ภายใต้แผนงาน “ยกระดับธุรกิจภูมิภาค” (Regional Entrepreneur Upgrade) ซึ่งเป็นการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและการจัดแสดงผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ดร.สุภรวดี ตรงต่อธรรม จากคณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร และนางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้ถ่ายทอดแนวทางการตลาดที่สร้างสรรค์และมีนวัตกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การยกระดับธุรกิจท้องถิ่นและการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
การฝึกอบรมครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การให้ความรู้ในเรื่องการตลาดเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และทำให้ธุรกิจของตนเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยการนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการผลิตและการตลาด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจท้องถิ่นในการแข่งขันกับธุรกิจระดับชาติและระดับสากล

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 4):

  1. SDG 4: การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
    โครงการนี้ได้ให้ความรู้ที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้งในด้านการวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยยกระดับความรู้และทักษะของผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเองในทุกช่วงวัยให้สามารถแข่งขันในเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  2. SDG 8: การจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    การฝึกอบรมนี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการในท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและส่งเสริมการสร้างงานที่มีคุณค่า การส่งเสริมธุรกิจในระดับท้องถิ่นจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
  3. SDG 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน
    การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิตและการตลาด เป็นการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถพัฒนาและเติบโตได้ โดยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์
  4. SDG 12: การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน
    การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกันยังคำนึงถึงความยั่งยืนในการผลิตและการใช้ทรัพยากร ซึ่งการฝึกอบรมในครั้งนี้ยังเน้นไปที่การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

เสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการฝึกอบรมและการสนับสนุนจากอุทยานวิทยาศาสตร์
การจัดกิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ในระดับท้องถิ่น โดยการเสริมสร้างทักษะและความรู้ในการทำธุรกิจของผู้ประกอบการในพื้นที่อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ การสนับสนุนด้านการตลาดและการใช้เทคโนโลยี จะช่วยให้ธุรกิจในท้องถิ่นสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

การพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นต้องอาศัยการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง การใช้นวัตกรรม และการสร้างธุรกิจที่มีความยั่งยืน!

4o mini

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin