ม.เรศวร ร่วมเสริมสร้างความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเข้าถึงกระบวนการกฎหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 16 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และมีสถาบันที่โปร่งใสและเข้มแข็ง ในฐานะมหาวิทยาลัยเพื่อสังคม คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของประชาชน รวมถึงการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจด้านกฎหมาย โดยกิจกรรมล่าสุดคือ “การให้คำปรึกษากฎหมายเบื้องต้นแก่ประชาชน” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม

  1. หัวข้อและวัตถุประสงค์ของกิจกรรม
    • กิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “ทำอย่างไรเมื่อจะฟ้อง หรือถูกฟ้อง”
    • มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ
      • กระบวนการทางกฎหมายในกรณีฟ้องร้อง
      • การเตรียมเอกสารที่จำเป็น
      • ขั้นตอนและวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี
    • ให้บริการ คำปรึกษากฎหมายเบื้องต้น แก่ประชาชน บุคลากร และนิสิต โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  2. ผู้ร่วมดำเนินกิจกรรม
    • ความร่วมมือระหว่าง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และ สภาทนายความภาค 6
    • การผนึกกำลังนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านกฎหมาย
  3. กลุ่มเป้าหมาย
    • ประชาชนในพื้นที่ ตำบลท่าโพธิ์
    • บุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร
    • ประชาชนทั่วไปที่สนใจ
  4. วัน เวลา และสถานที่จัดกิจกรรม
    • วัน: อังคารที่ 3 ธันวาคม 2567
    • เวลา: 08.30 – 12.00 น.
    • สถานที่: บริเวณโถงชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  5. การลงทะเบียน
    • ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าผ่าน QR Code หรือลิงก์ที่ระบุในประกาศ

กิจกรรมนี้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยมีผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในหลากหลายมิติ ได้แก่

  • การลดความเหลื่อมล้ำ: ช่วยให้ประชาชนที่ขาดโอกาสสามารถเข้าถึงข้อมูลและคำปรึกษาด้านกฎหมาย
  • การเสริมสร้างความรู้: ส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม
  • การเพิ่มความเข้มแข็งของชุมชน: สนับสนุนให้ชุมชนมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหากฎหมายด้วยตัวเอง

การดำเนินงานของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้กรอบเป้าหมาย SDG 16 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมผ่านการส่งเสริมความยุติธรรมและการให้ความรู้แก่ประชาชนในวงกว้าง กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนสังคมที่ยุติธรรมและยั่งยืน นอกจากนี้ยัง สะท้อนถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรวิชาชีพ โดย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ สภาทนายความภาค 6 ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคม ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและวิชาชีพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย SDG 17: เครือข่ายความร่วมมือเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม

ม.นเรศวร ร่วมสถานทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก จัดนิทรรศการผ้าไทย ส่งเสริมความร่วมมือวัฒนธรรมไทย-เม็กซิโก

ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก จัด นิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทย เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยและแฟชั่นไทยในต่างประเทศ โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลเกี่ยวกับคุณค่าของผ้าไทยและภูมิปัญญาในการทอผ้าที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมไทย รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทยกับประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีความคล้ายคลึงในเรื่องของผ้าชาติพันธุ์.

การออกแบบและการจัดนิทรรศการ การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ได้รับการออกแบบและดำเนินการโดย ผศ. ชโรธรณ์ ทิพย์อุปถัมภ์ อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ และ นางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทย โดยนิทรรศการเน้นการนำเสนอผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ไทที่มีความคล้ายคลึงกับผ้าของประเทศเม็กซิโก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ.

นิทรรศการนี้ได้นำเสนอ ผ้าไทยในหลากหลายรูปแบบ ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทอผ้า เช่น ผ้าไหมไทย ผ้าฝ้าย ผ้าลายทอมือ โดยมีการจัดแสดงผลงานศิลปะการทอผ้าที่ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแต่งกาย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาติไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากในงาน.

การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ การจัดนิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือระหว่างไทยและเม็กซิโก โดยผ่านการนำเสนอผ้าไทยในมิติของ การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น และ การเสริมสร้างอัตลักษณ์ของชาติ ผ่านภูมิปัญญาการทอผ้า นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศเม็กซิโกได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งอาจมีการพัฒนาเป็นความร่วมมือทางวัฒนธรรมในอนาคต.

ในบริบทของ การพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริม SDGs 11 ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน โดยการอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งผ้าไทยถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สามารถสร้างความยั่งยืนในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชาติ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 17 ที่เน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการเผยแพร่วัฒนธรรมและสร้างความเข้าใจร่วมกันในระดับสากล.

การตอบรับจากผู้เข้าชมนิทรรศการ การจัดนิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทยในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมนิทรรศการในกรุงเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเผยแพร่ผ้าไทยและแฟชั่นไทยในระดับโลก รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม. นิทรรศการดังกล่าวยังเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศไทยและเม็กซิโกในการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม.

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก (Embajada Real de Tailandia en México) ที่ได้ให้การสนับสนุนในการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ และขอขอบคุณผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการทุกท่านที่ให้ความสนใจในภูมิปัญญาผ้าไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือที่สำคัญในการส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยสู่สากล.

การจัดนิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทยในกรุงเม็กซิโกนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและการสร้างความยั่งยืนในชุมชน ผ่านการส่งเสริมผ้าไทยและแฟชั่นไทยให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ.

ม.นเรศวร ร่วมสัมมนาและศึกษาดูงาน Energy Storage ในหัวข้อ “Renewable Energy and MicroGrid Technology”

รศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการ SGtech พร้อมด้วย รศ.ดร.ธวัช สุริวงษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและกิจการนิสิต และ ผศ.ดร.ยอดธง เม่นสิน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ เข้าร่วมสัมมนาและศึกษาดูงาน Energy Storage ในหัวข้อ “Renewable Energy and MicroGrid Technology” เมื่อวันที่ 29-30 ตุลาคม 2567 โดย ผศ.ดร.ยอดธง เม่นสิน ได้บรรยายในหัวข้อ “Smart Microgrid Zero Net Energy (ZNE) concept implementation at Naresuan University”
ที่มา: วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร

นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร คว้ารางวัลที่ 3 ในโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ

นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร คว้ารางวัลที่ 3 ในโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ จากมูลนิธิรากแก้ว ในงาน National Exposition 2024 University Sustainability Showcase ในระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม พ.ศ.2567 ณ สามย่านมิตรทาวน์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับนิสิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศลำดับที่ 3 ทีมหน้าใหม่ประจำปี 2567 ในการแข่งขันโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิรากแก้ว ซึ่งมีบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท KPMG, Junior Achievement Thailand และมูลนิธิ SCG เป็นผู้ร่วมสนับสนุน

นิสิตที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย นายสกาย คิดลูน จอมพงษ์ นางสาววาสิตา รอดอินทร์ นิสิตชั้นปีที่ 4 จากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนายกษิดิศ เห็มกัณฑ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ โดยได้นำเสนอผลงาน “Paopae” นวัตกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ผลงาน “Paopae” มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกโดยใช้ระบบพาสปอร์ตสะสมแต้ม ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสะสมแต้มเพื่อแลกรับน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ประจำจังหวัด ทั้งนี้ ยังได้มีการนำเสนอแนวความคิดในการนำผ้าทอลายประจำจังหวัดมาใช้ในการออกแบบชุดร่วมสมัย เพื่อดึงดูดความสนใจและเสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น

ผลงานนี้ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการและได้รับรางวัลระดับ Silver พร้อมโล่ห์รางวัล อันเป็นการยืนยันถึงศักยภาพและความสามารถของนิสิตในการนำความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ดร.ชไมพร ศรีสุราช และ อาจารย์ศรัณย์พร เกิดเกาะ จากวิทยาลัยนานาชาติ ได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและแนะนำให้นิสิตได้พัฒนาผลงานจนประสบความสำเร็จ

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีและภูมิใจในความสำเร็จของนิสิตที่ได้นำชื่อเสียงและเกียรติยศมาสู่มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ม.นเรศวร เป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม”

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมวิชาการดินและปุ๋ยแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ร่วมกับสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมสมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าของดินและปุ๋ย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมการปรับตัว สร้างความยืดหยุ่นภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลก และบรรลุการจัดการทรัพยากรดินที่สมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ การประชุมยังมุ่งหวังที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ทางการเกษตรผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ

รองศาสตราจารย์ ดร.สรินทิพย์ ตันตาณี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวในพิธีเปิดว่า มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการกระจายโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมกันให้กับประชาชนโดยเฉพาะใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย โดยมุ่งผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทรัพยากรดินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพทางการเกษตรของประชาชนในภูมิภาคนี้ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูทรัพยากรดินร่วมกับภาคีเครือข่าย มุ่งส่งเสริมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบการผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเน้นการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียและของเสียจากการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูล ทำให้สามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วรสิทธิ์ โตจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านดินที่มีชื่อเสียง นิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การนำเสนอและการฝึกอบรมแก่เกษตรกรในหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสต่างๆ

สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ‘เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแคว’ ขับเคลื่อนการส่งเสริมการจ้างงานและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน มหกรรมอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแควหอประชุมมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 8) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และ การส่งเสริมการมีงานทำที่ดี สำหรับทุกคน.

การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (SDG 8): นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และ การสร้างรายได้ อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอาชีพใหม่ ๆ และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น:

  • การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพ: ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองทำงานฝีมือหรือกิจกรรมอาชีพที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ เช่น การทำสินค้าหัตถกรรม การทำอาหาร การทำน้ำหอม หรือแม้แต่การเกษตร ซึ่งช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต.
  • การจัดแสดงอาชีพนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอแนวคิด อาชีพนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่การทำงานตามอาชีพทั่วไป แต่ยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมใหม่ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน.
  • การแจกของรางวัล: เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในด้านการพัฒนาทักษะอาชีพและการสร้างรายได้ โดยการแจกของรางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง.
  • สินค้าจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง: การจัดแสดงและขาย ผลิตภัณฑ์เด่น จาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งรวมถึง สินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่าง ยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและภูมิภาค.

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (SDG 17): จัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการนำเสนอ ทักษะและความรู้ ที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะของบุคคลและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน.

มหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่จัดงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ แต่ยังส่งเสริมการ สร้างเครือข่าย และ การเชื่อมโยง ระหว่าง นักศึกษา, ชุมชน, ภาครัฐ, และเอกชน ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยการนำทักษะต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในชีวิตจริงและสามารถขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศ.

งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ สนับสนุนการสร้างงาน ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยั่งยืนและเสถียร โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, การพัฒนาอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม, และการสนับสนุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว.

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โรงพยาบาลทันตกรรม ม.นเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการร่วมเป็นสถานพยาบาลในการให้บริการทางทันตกรรมไม่ต้องสำรองจ่าย

รองศาสตราจารย์ ดร.ทันตแพทย์หญิงพีรยา ภูอภิชาติดำรง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ผศ.ดร.ทพญ.จิตติมา พุ่มกลิ่น รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการให้บริการทางทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่ายแก่ผู้ประกันตน ในการใช้สิทธิ์ 900 บาทต่อปี

การลงนามในครั้งนี้มีขึ้นที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางอาภรณ์ แว่วสอน ประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมได้รับสิทธิในการใช้บริการทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ โดยสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ทุกปี ในวงเงิน 900 บาท

โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและสามารถจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพทั่วไปหรือการรักษาเฉพาะทาง รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการสุขภาพระหว่างชนชั้นและกลุ่มประชากรต่างๆ

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและโรงพยาบาลทันตกรรมเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสุขภาพของสังคมในระยะยาว

สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่สนใจสามารถใช้สิทธิ์ในการรับบริการทันตกรรมได้ที่โรงพยาบาลทันตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นสถานพยาบาลในการให้บริการตามโครงการนี้ และสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามข้อกำหนดที่ระบุในบันทึกข้อตกลง.

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ:The 2nd TNDR Conference (National & International) “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” จัดโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) เป็นประธานในการเปิดการประชุม

หลังจากนั้นมีการเสวนาที่น่าสนใจ
1 ประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ “
1. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย
2. รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง คณบดีวิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (กปว.)
4. ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการแพล็ตฟอร์มสร้างธุรกิจนวัตกรรม ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ บจม.พีทีที โกลบอล เคมิคัล ผู้ดำเนินรายการ: ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี

2. เสวนาเครือข่าย TNDR ประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!”
1. คุณวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน)
2. คุณสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3. คุณวีฤทธิ กวยะปาณิก หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
4. รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ดำเนินรายการ: นายสมคิด สะเภาคำ ผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ และนานาชาติ พร้อมทั้งนิทรรศการโปสเตอร์และบูธเครือข่าย TNDR

ม.นเรศวร ร่วมกับ รพ.สต. คัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยเบาหวาน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ

หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย ได้จัดโครงการ “ตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยโรคเบาหวาน” ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (รพ.สต.) วังนาคู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

โดยโครงการนี้มีแพทย์และบุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์จากงานบริการปฐมภูมิและทีมงานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่ายเป็นผู้ให้บริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ในการดำเนินโครงการครั้งนี้ มีผู้ป่วยโรคเบาหวานจากชุมชนเข้ามารับการตรวจคัดกรองจำนวนทั้งสิ้น 96 คน ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพในระดับชุมชนตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-Being) ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนทางตา

การตรวจคัดกรองในครั้งนี้มีความสำคัญในการคัดกรองโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะเริ่มต้น ซึ่งสามารถทำการรักษาและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานให้แก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 10 (Reduced Inequality) ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงบริการสุขภาพ

โครงการนี้ยังได้มีการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล และชุมชน ซึ่งเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาและการป้องกันโรคในระดับชุมชนตามแนวทางของ SDGs.

วันที 4 มิถุนายน 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชา
จักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย จัดโครงการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมในผู้ปวยโรคเบาหวาน ณ รพ.สต. บ้านเสาหิน โดยมีแพทย์ บุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา บุคลากรปฐมภูมิฯ และรพ.สต. ในเครือข่ายร่วมให้บริการ โดยมีผู้ปวยโรคเบาหวานเข้ามารับบริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมทังหมด 146 คน

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin