NU SEED ม.นเรศวร เดินหน้าขับเคลื่อนสร้างผู้ประกอบการสู่เวทีโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงบทบาทสำคัญใน SDG 8 (Decent Work and Economic Growth) ซึ่งเน้นการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงานที่เหมาะสม และการพัฒนาผู้ประกอบการ โดยมี NU SEED (Science and Technology Park) เป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการท้องถิ่นและระดับประเทศให้มีความพร้อมในการแข่งขันในตลาดโลก

ความสำเร็จของ NU SEED: การสร้างผู้ประกอบการสู่ตลาดโลก NU SEED มีบทบาทสำคัญในการบ่มเพาะธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยล่าสุด บริษัท นวล อนันต์ จินเจอร์ ฟู๊ด จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้การดูแลของ NU SEED ได้รับ “รางวัลผู้ประกอบการโดดเด่น สาขา Internationalization” ในงาน “Thai-BISPA Day 2024”

จุดเด่นของความสำเร็จ
  1. การสนับสนุนผู้ประกอบการในการขยายตลาด
    • NU SEED สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการในระดับท้องถิ่นและผลักดันให้เข้าสู่ตลาดสากล
    • ส่งเสริมความรู้และเครื่องมือในการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์
  2. เน้นนวัตกรรมและความยั่งยืน
    • บริษัท นวล อนันต์ จินเจอร์ ฟู๊ด จำกัด ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น เช่น ขิง มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    • การดำเนินธุรกิจที่ผสมผสานนวัตกรรมและความยั่งยืนสร้างความโดดเด่นในตลาด
บทบาทของ NU SEED ใน SDG 8
  1. การสร้างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
    • NU SEED ช่วยสร้างงานในชุมชนและยกระดับผู้ประกอบการท้องถิ่นสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
    • สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของ SME และ Startups ผ่านการฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และเครือข่ายพันธมิตร
  2. การเชื่อมต่อกับตลาดโลก
    • เสริมสร้างความสามารถของผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ
    • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระดับสากล
การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs อื่น ๆ
  • การสนับสนุนธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างยั่งยืนยังส่งผลต่อ SDG 12 (Responsible Consumption and Production) และ SDG 9 (Industry, Innovation, and Infrastructure)

ติดตามความก้าวหน้าของ NU SEED : NU SEED เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปและผู้ประกอบการสามารถติดตามและเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านเศรษฐกิจและนวัตกรรมได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น

  • Facebook: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • Line: @nuscipark
  • Website: scipark.nu.ac.th
  • TikTok: @nuscipark

ความสำเร็จของบริษัท นวล อนันต์ จินเจอร์ ฟู๊ด จำกัด ในการได้รับรางวัล “ผู้ประกอบการโดดเด่น” เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกจากการสนับสนุนของมหาวิทยาลัยนเรศวรผ่าน NU SEED ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการสร้างความยั่งยืนผ่านการพัฒนาผู้ประกอบการและนวัตกรรมในระดับสากล.

สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ‘เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแคว’ ขับเคลื่อนการส่งเสริมการจ้างงานและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน มหกรรมอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแควหอประชุมมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 8) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และ การส่งเสริมการมีงานทำที่ดี สำหรับทุกคน.

การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (SDG 8): นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และ การสร้างรายได้ อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอาชีพใหม่ ๆ และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น:

  • การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพ: ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองทำงานฝีมือหรือกิจกรรมอาชีพที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ เช่น การทำสินค้าหัตถกรรม การทำอาหาร การทำน้ำหอม หรือแม้แต่การเกษตร ซึ่งช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต.
  • การจัดแสดงอาชีพนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอแนวคิด อาชีพนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่การทำงานตามอาชีพทั่วไป แต่ยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมใหม่ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน.
  • การแจกของรางวัล: เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในด้านการพัฒนาทักษะอาชีพและการสร้างรายได้ โดยการแจกของรางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง.
  • สินค้าจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง: การจัดแสดงและขาย ผลิตภัณฑ์เด่น จาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งรวมถึง สินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่าง ยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและภูมิภาค.

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (SDG 17): จัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการนำเสนอ ทักษะและความรู้ ที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะของบุคคลและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน.

มหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่จัดงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ แต่ยังส่งเสริมการ สร้างเครือข่าย และ การเชื่อมโยง ระหว่าง นักศึกษา, ชุมชน, ภาครัฐ, และเอกชน ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยการนำทักษะต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในชีวิตจริงและสามารถขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศ.

งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ สนับสนุนการสร้างงาน ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยั่งยืนและเสถียร โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, การพัฒนาอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม, และการสนับสนุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว.

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมกับ บพท. เปิดตัวโครงการวิจัย ‘แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จในภาคเหนือตอนล่าง’

โครงการวิจัย “การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำภาคเหนือตอนล่าง: กรณีศึกษาจังหวัดพิษณุโลก” ซึ่งจัดโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่น โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการศึกษาปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังสอดคล้องกับหลายเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 1 (การขจัดความยากจน), SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ), และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี)

1. แก้ไขปัญหาความยากจน: มุมมองจากโครงการวิจัย: การดำเนินโครงการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนากลยุทธ์การแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายหลายด้าน ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนทรัพยากร และขาดทักษะในการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่ โดยมองปัญหาความยากจนในหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การเสริมสร้างทักษะ และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, และการดูแลสุขภาพ

2. การสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน: โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ผ่านการให้ความรู้และทักษะแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือขาดโอกาสในการพัฒนาอาชีพและการศึกษา การพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำนั้น เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การออกแบบแนวทางการแก้ไขความยากจนที่มีประสิทธิภาพนี้ เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน

การพัฒนาในรูปแบบนี้จะช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการศึกษา ทักษะการประกอบอาชีพ และแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งสามารถนำไปสู่การยุติความยากจนในระดับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

3. การลดความเหลื่อมล้ำ: SDG 10: โครงการวิจัยนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกันในพื้นที่ การศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาไม่เท่าเทียม การขาดทักษะทางวิชาชีพ หรือการขาดแคลนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, การศึกษา และการมีงานทำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในชุมชน

การสร้างโอกาสในการพัฒนาโดยการให้ความรู้และทักษะ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ จะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้และทำให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและยั่งยืน

4. การเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: SDG 8: การวิจัยและผลลัพธ์จากโครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการออกแบบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับทรัพยากรท้องถิ่นและความสามารถของชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นการส่งเสริมอาชีพที่ยั่งยืนและการสร้างงานในชุมชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนท้องถิ่น แต่ยังช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงจากภายนอก และสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี ได้รับการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับทรัพยากรในพื้นที่

5. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักในภาคเหนือตอนล่าง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ หัวหน้าโครงการวิจัย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลวิจัยที่มีความแม่นยำในการออกแบบนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยระบุว่า “การใช้วิจัยในเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาความยากจนในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบมาตรการที่ตรงกับความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การทำงานร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และการนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานภาครัฐ, และภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โครงการวิจัยนี้จึงเป็นการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับบริบทท้องถิ่น ถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้าน

ขอเชิญชวน อาจารย์ นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกโฉมผลิตภัณฑ์กลุ่มชุมชน

ขอเชิญชวน อาจารย์ นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกโฉมผลิตภัณฑ์กลุ่มชุมชน โดยการนำวิทยาการกระบวนการทำงานสมัยใหม่ ไปยกระดับขีดความสามารถกลุ่มองค์กรชุมชนที่รวมตัวกันสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้มีศักยภาพ มีมูลค่าเพิ่ม แข่งขันในตลาดได้

NU SciPark เปิดรับสมัครผู้สนใจ ร่วมโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2567
คุณสมบัติของทีมนิสิต
– ทีมนิสิต จำนวน 5-10 คน/ทีม
– มีนิสิตต่างสาขาวิชา ต่างคณะภายในทีม
– มีอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างน้อย 1 ท่าน/ทีม
– นิสิตจะต้องเป็นลูกค้าประเภทใดประเภทหนึ่งของธนาคารออมสิน

คุณสมบัติของกลุ่มชุมชน
– กลุ่มชุมชน ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน, กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP, กลุ่มโฮมสเตย์, กลุ่มท่องเที่ยวชุมชน และกลุ่มอาชีพในชุมชน โดยจะต้องมีการรวมกลุ่มกันจากสมาชิกในชุมชน เพื่อผลิตสินค้า/บริการ เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน
– เป็นกลุ่มชุมชนที่มีความพร้อม ความต้องการที่จะยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์/บริการ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของธนาคารออมสินภาค 7 ทั้งหมด 5 จังหวัดดังนี้ อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร
– การทำงานจะต้องมีส่วนร่วม ระหว่างชุมชน สถาบันอุดมศึกษา ธนาคารออมสิน และหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่
– ชุมชนจะต้องเป็นลูกค้าประเภทใดประเภทหนึ่งของธนาคารออมสิน

ผลิตภัณฑ์และบริการแบ่งเป็น 6 ประเภท
– กินดี (อาหาร, เครื่องดื่ม)
– อยู่ดี (ที่พัก, Homestay, ท่องเที่ยวชุมชน)
– สวยดี (เครื่องประดับ, ของที่ระลึก, ของตกแต่งบ้าน, เสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย)
– ใช้ดี (ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพร, เครื่องประทินผิว, ผลิตภัณฑ์สปา, สิ่งของเครื่องใช้)
– รักษ์ดี (การอนุรักษ์ขนบธรรมเนียม ประเพณี สิ่งแวดล้อม หรือภูมิปัญญา ให้คงอยู่สืบไป)
– คิดดี (สินค้า/บริการ เชิงนวัตกรรม)

สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 22 ธันวาคม 2566 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: NU SciPark โทรศัพท์: 08 7522 2896 (โม)

โครงการปฐมนิเทศฝึกงานวิชาชีพ สำหรับนิสิตหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในการกล่าวเปิดและกล่าวให้โอวาท ในโครงการปฐมนิเทศฝึกงานวิชาชีพ สำหรับนิสิตหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ชั้นปีที่ 4 รวมถึงให้ข้อแนะนำถึงแนวทางข้อปฏิบัติ การวางตัว และการฝึกปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น แก่นิสิตก่อนการออกฝึกปฏิบัติงาน ทั้งในสถานประกอบการของทั้งภาครัฐ และเอกชน

โดยในการจัดโครงการฯ ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาคภูมิ สุขเจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นวิทยากรบรรยาย ในหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกงานวิชาชีพ” เพื่อเป็นการแนะนำให้นิสิตได้เตรียมความพร้อม ก่อนออกฝึกปฏิบัติงาน ได้เรียนรู้ถึงรูปแบบการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร การติดต่อประสานงาน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปรับตัวเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ให้ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานทางวิชาชีพจากผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาปรับใช้ในการประกอบอาชีพ ต่อไปในอนาคต ณ ห้อง PH 305 ชั้น 3 อาคารเรียนรวมคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

เปิดโลกการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานดิจิทัล

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ Beyond Coding – Intensive Onsite Training ขึ้นในระหว่างวันที่ 5-11 พฤศจิกายน 2566 เพื่อมุ่งเน้นให้นิสิตที่ได้รับคัดเลือก จำนวน 60 คน ในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับตลาดแรงงานดิจิทัล ได้นำทักษะพื้นฐานมาสร้างนวัตกรรมดิจิทัล และมีโอกาสไปฝึกงานในบริษัทและองค์กรชั้นนำของประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับทุนการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธิ์ โม้พวง คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ เป็นประธานในการกล่าวเปิดโครงการดังกล่าว

ซึ่งการจัดโครงการ Beyond Coding – Intensive Onsite Training ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนสนับสนุน โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ระเบียน วังคีรี เป็นหัวหน้าโครงการ

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

เส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (Research to Market : R2M) ครั้งที่ 11

NU SciPark คัดแล้ว 3 ทีมสุดต๊าซ ตัวแทนมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกิจกรรม R2M Boot Camp ระดับภูมิภาค (ภาคเหนือ) เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่รอบคัดเลือกตัวแทนระดับภูมิภาคต่อไป 🌈

วันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำ 3 ทีม ผู้ชนะจากการแข่งขันโครงการ “เส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (Research to Market : R2M) ครั้งที่ 11” ระดับมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย
– รางวัลชนะเลิศ ผลงาน “PAWER UP อาหารสุขภาพจากโปรตีนไข่ขาวสำหรับสุนัข” จากคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ผลงาน “เซ็ตผลิตภัณฑ์แอนติแอคเน่จากสารสกัดไมยราบ” จากคณะเภสัชศาสตร์
– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ผลงาน “Hemp Plast” จากคณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และการสื่อสาร

เข้าร่วมกิจกรรม R2M Boot Camp ระดับภูมิภาค (ภาคเหนือ) ครั้งที่ 11 เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทีมนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในเครือข่ายอุทยาวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จำนวน 7 แห่ง รวม 21 ทีม ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันในระดับภูมิภาค (ภาคเหนือ) เร็วๆนี้

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

แนะหลักสูตรระยะสั้น : การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การจัดหลักสูตรระยะสั้น “การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ” โดยคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมการบริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะการประกอบธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 4) ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง โดยเฉพาะการพัฒนาอาชีพและการสร้างธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

รายละเอียดหลักสูตร: การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ หลักสูตรนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างทักษะการประกอบธุรกิจให้กับผู้เรียน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมร้านกาแฟที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ผู้เรียนจะได้รับทั้งทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการดำเนินงานให้สำเร็จ โดยมีรายละเอียดกิจกรรมที่สำคัญดังนี้:

  1. ฝึกปฏิบัติการทำกาแฟกับมืออาชีพ ในส่วนนี้ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เทคนิคการทำกาแฟที่มีคุณภาพ เรียนรู้การชงกาแฟตามสูตรต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงวิธีการเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และวิธีการชงกาแฟให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ธุรกิจร้านกาแฟสามารถสร้างรายได้จากการขายเครื่องดื่มกาแฟที่มีรสชาติพิเศษ
  2. เข้าใจรูปแบบของธุรกิจร้านกาแฟ หลักสูตรนี้จะสอนให้ผู้เรียนเข้าใจการทำธุรกิจร้านกาแฟตั้งแต่การจัดการต้นทุน การวางแผนการเงิน ไปจนถึงการบริหารการบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ ผู้เรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการกำหนดราคาขาย การเลือกซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการวางแผนการจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
  3. เทคนิคการเปิดร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจกระบวนการเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ ตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบร้าน การจัดการทรัพยากร และการวางแผนการตลาดจนถึงการเปิดร้านจริง ผู้เรียนจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพในการเปิดร้านให้มีความน่าสนใจและสามารถดึงดูดลูกค้าได้
  4. การออกแบบร้านกาแฟเพื่อสร้างความดึงดูด การสร้างบรรยากาศภายในร้านกาแฟให้ดึงดูดลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจร้านกาแฟ หลักสูตรนี้จะสอนวิธีการออกแบบร้านกาแฟให้มีเอกลักษณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น การเลือกวัสดุตกแต่งที่มีความเหมาะสม การใช้สีและแสงในการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าดึงดูด
  5. การวางตำแหน่งแบรนด์และกลยุทธ์ทางการตลาด การสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์และการทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจการวางตำแหน่งแบรนด์และการทำกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ร้านกาแฟเป็นที่รู้จักในตลาด รวมถึงการใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการโปรโมทสินค้าและบริการ
  6. ทริปพิเศษ “เขาค้อ” การทัศนศึกษาในแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ เช่น เขาค้อ เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจในการออกแบบธุรกิจ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการออกแบบร้านกาแฟจากสถานที่ที่มีความน่าสนใจ เพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า

หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบเพื่อสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งเน้นในสองด้านหลัก:

  1. การส่งเสริมการจ้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8)
    หลักสูตรนี้มีเป้าหมายในการเสริมสร้างทักษะการทำธุรกิจที่ยั่งยืนให้แก่ผู้เรียน เพื่อให้สามารถสร้างธุรกิจที่ไม่เพียงแต่ทำกำไรได้ แต่ยังส่งเสริมการสร้างงานและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจในชุมชน การฝึกอบรมผู้ประกอบการให้มีทักษะที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและยั่งยืนในระยะยาว
  2. การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน (SDG 12)
    หลักสูตรนี้เน้นการเลือกใช้วัตถุดิบและวัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟจากแหล่งที่ยั่งยืน รวมทั้งการเลือกใช้วัสดุตกแต่งและการออกแบบร้านกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รายละเอียดหลักสูตร
  • จำนวนรับสมัคร: 20 ท่าน
  • ค่าลงทะเบียน: 3,900 บาท
  • วันที่จัดกิจกรรม: ตามประกาศ
  • สถานที่: คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • วิธีการสมัคร: สมัครผ่านลิงก์ https://shorturl.asia/5817U
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: โทร. 055 964 822 (งานวิจัยและบริการวิชาการ)

รับสมัครด่วน! เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟอย่างมืออาชีพ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนในอนาคต!

รายการ Good Afternoon ช่วง “งานหาคน”

ช่วงงานหาคน ออกอากาศในรายการ Good Afternoon ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร วันที่ 9 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 – 16.00 น. ฟังออนไลน์ได้ที่ www.nuradio.nu.ac.th : https://fb.watch/nD3havV84f/

ดำเนินรายการโดย นางสาวพิมพ์ณพัทธ์ พ่วงกระทุ่ม
>> องค์กร บริษัท หน่วยงาน ห้างร้าน ต้องการคนทำงาน ส่งมาได้ที่ inbox เพจสถานีวิทยุแห่งนี้นะคะ หรือโทร 0 5596 1124

ที่มา: สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร NUradio Naresuan

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin